“อัครแสนคีรี” จี้รัฐเยียวยาชาวนาไร่ละ 1,000 ขอรัฐบาล-มหาดไทย รื้องบกระตุ้นเศรษฐกิจสัดส่วนท้องถิ่น เหตุความเดือดร้อนประชาชน ไม่มีสี ไม่มีพรรคการเมือง หลังบางพื้นที่ได้หลักร้อยล้าน ขณะหลายแห่งของบซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ไม่ได้รับการเหลียวแล
วันที่ 17 ก.ค. 2568 ที่สภาผู้แทนราษฎร นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส. ชัยภูมิ พรรคกล้าธรรม (กธ.) หารือสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาชาวนา ตนขอพูดแทนพี่น้องชาวนา คนปลูกข้าว ที่ตื่นตี 4 ลุยโคลน ทนแดดทนฝน เพื่อให้พวกเรามีข้าวกินทุกมื้อ วันนี้กำลังเจอวิกฤตราคาข้าวตกต่ำ ปุ๋ยแพง หนี้ท่วมหัว สิ่งที่เขาขอไม่ใช่ความสงสาร แต่คือเงินเยียวยาไร่ละ 1,000 บาท เพื่อให้พวกเขามีแรงและลุกขึ้นสู้ต่อได้ในฤดูกาลหน้า
นายอัครแสนคีรี ระบุตนเป็น 1 เสียง ที่อยากสะท้อนว่า “ข้าวไม่รอใคร ฝนไม่รอใคร หนี้ก็ไม่รอใคร” ไร่ละ 1 พันบาท ไม่ใช่แค่เม็ดเงิน แต่คือความหวัง คือทุนตั้งต้นของความมั่นคงทางด้านอาหารของคนทั้งประเทศ เพราะหากวันหนึ่งคนปลูกไม่ไหว คนกินก็จะเดือดร้อน และในขณะที่ชาวนาเฝ้าเพียงเงินไร่ละ 1 พันบาท กลับได้ยินข่าวงบกระตุ้นเศรษฐกิจของบางจังหวัด บาง อบต. เทศบาล ได้งบกว่า 79-80 ล้านบาท ในขณะที่อีกหลายแห่งยื่นของบซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลับไม่ได้เงินสักบาท แม้แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า เหตุใดบางพื้นที่งบท้องถิ่นถึงได้หลายร้อยล้าน ขณะที่บางแห่งกลับไม่ได้รับการเหลียวแล ทั้งที่เสียภาษีเหมือนกัน
“นี่หรือครับ คือความยุติธรรมของการจัดสรรงบประมาณ ผมขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า การจัดงบประมาณไม่ควรถูกตีกรอบด้วยเส้นแบ่งเขตการเลือกตั้ง เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่มีสี ไม่มีพรรค การแก้ปัญหาพื้นฐานอย่างถนนชำรุด น้ำท่วม ภัยแล้ง ต้องเป็นสิ่งที่รัฐเข้าถึงอย่างเท่าเทียม หากรัฐบาลยังปล่อยให้ระบบงบประมาณดำเนินไปอย่างไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งขยายตัว และเกษตรกรจะยิ่งหมดหวัง” นายอัครแสนคีรี กล่าว
...