“ศิริกัญญา” คาดไฟนอล “ภาษีทรัมป์” ไทยได้ไม่เกิน 20% หลังจับทิศทางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกาะกลุ่มกัน 19-20% เตือน “ภูมิใจไทย” ในฐานะที่อภิปรายมาหลายปี ควรเก็บกระสุนไว้ ถ้าเนื้อหาไม่กว้าง แค่ญัตติด่วนก็พอ มอง “วิทัย” นั่ง ผู้ว่า ธปท. คนใหม่ เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ฝากการบ้านลดดอกเบี้ยผู้กู้
วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงภาษีสหรัฐที่รัฐบาลจะส่งเสนอให้สหรัฐรอบสุดท้ายในวันนี้ ว่า เวลาเหลือน้อยลงมาเรื่อย ๆ แต่เรายังคงแก้ไขข้อเสนอกลับไปกลับมากับสหรัฐอยู่ เช้าวันนี้มีหลายประเทศที่บรรลุข้อตกลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ ที่ได้เกรดเดียวกับอินโดนีเซียที่ 19% หรือจะเป็นญี่ปุ่นที่ได้ 15% วันนี้สำหรับเราต้องรอไฟนอล บีบหัวใจของคนไทนทุกคนว่าสุดท้ายจะโดนอัตราภาษีที่เท่าไหร่ และจำเป็นต้องเปิดตลาดให้สหรัฐมากขนาดไหน การเจรจาครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อลดอัตราภาษีอย่างเดียว เพราะหากจำได้ ฟิลิปปินส์ ตั้งแต่เดือน เม.ย. ได้ 17% แต่พอต้นเดือน ก.ค. ขึ้นเป็น 20% พอปิดดีลจบที่ 19% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่ประกาศในครั้งแรก ดังนั้น เมื่อดูจากอัตราภาษีหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับ 19-20% ก็พอจะคาดเดาได้ว่าประเทศไทยน่าจะใกล้ๆ กัน คงไม่ลดลงไปถึงญี่ปุ่น ที่ 15% แต่ต้องแลกกับการนำเงินไปลงทุนในสหรัฐ 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อถามว่านายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่าจะไม่เกิน 20% เป็นไปได้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า มีแนวโน้มที่จะจบไม่ถึง 20% ได้ ถ้าดูตัวอย่างจากอินโดนีเซีย และทางอินโดนีเซียก็มีการเปิดเผยเงื่อนไขที่ให้ไปกับสหรัฐ เช่น การยกเลิกการจัดเก็บภาษีดิจิทัลในโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มต่างๆ และข้อตกลงในการส่งออกแร่สำคัญ รวมถึงยอมรับมาตรฐานรถยนต์ของสหรัฐ แต่สุดท้ายก็ต้องรอฟังคำตอบจากโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนเดียว เพราะเวลาที่ เจรจาก็เป็นแบบหนึ่งแต่พอประกาศออกมาก็เป็นอีกแบบหนึ่ง เราก็ทำได้แค่ส่งใจช่วยให้ประเทศไทยเองยืนหลักการหนักแน่น ไม่นำสินค้าเกษตรไปแลกมากจนเกินไป ทั้งที่ไม่มีการเตรียมมาตรการเยียวยาให้กับเกษตรกรที่ถูกนำสินค้าตัวเองไปขึ้นโต๊ะเจรจา ไม่เช่นนั้น เราจะทำให้ผู้ที่เสียประโยชน์ แม้จะน้อยนิด เมื่อเทียบกับมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เราได้มา แต่จำนวนคนที่จะได้รับผลกระทบมีค่อนข้างมาก เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เรามีเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 400,000 ราย ก็คาดว่าน่าจะได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างและลึก จึงต้องดูว่าเวลาเปิด เปิดฟรีเลยหรือไม่ หรือจะเป็นการจำกัดโควตาเข้ามา ซึ่งหากมีการเปิดเสรี สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือเตือนผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตอนนี้ได้แล้วว่าให้เปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น ถ้าเราเอาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปเปิดเสรีให้กับสหรัฐทั้งหมด ไม่เช่นนั้น เราจะไม่สามารถแข่งขันได้ ตนได้ข่าวว่าบริษัทผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ของประเทศหยุดรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรเรียบร้อยแล้ว แม้จะมีการประกันราคาที่ 7 บาท แต่ก็ไม่รับซื้อ ดังนั้นเกษตรกรกำลังกังวลกับอนาคตของตัวเองอยู่
...
ส่วนเรื่องการสวมใส่สินค้าจีนส่งออกไปยังสหรัฐ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ ถ้าเป็นสินค้าที่เราตรวจจับง่ายๆ แค่เข้ามาผ่านทางแล้วออกไป เราก็ไม่ยอมให้เขามานุ่งโจงกระเบน แล้วตีตราว่าเป็นสินค้าไทยอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพราะสหรัฐเองอาจจะตั้งเกณฑ์ ต้องเป็นวัตถุดิบที่ผลิตในไทย ทำให้เราไม่สามารถใช้วัตถุดิบที่ผลิตจากประเทศจีนได้เลย ซึ่งเป็นความซับซ้อนและยุ่งยาก เพราะสหรัฐต้องการที่จะตัดห่วงโซ่อุปทานที่ไทยมีกับประเทศจีนอย่างเหนียวแน่น เป็นการตรวจเข้มมากขึ้นว่าสินค้าใดใช้วัตถุดิบจากประเทศจีน เรื่องของการสวมสิทธิ์ปกติ เพราะหากตรวจเข้มข้นขนาดนี้ เราก็ไม่มั่นใจว่ากระทบเศรษฐกิจมากหรือไม่
แนะภูมิใจไทยเสนอญัตติด่วน แทนเปิดอภิปราย ม.152
เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยเสนอให้เปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เพื่อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาภาษีสหรัฐ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า กำลังพูดคุยภายในวิปฝ่ายค้าน แต่ถ้ามีการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติเรื่องภาษีทรัมป์ สามารถทำได้ แต่สำหรับพรรคประชาชนที่อภิปราย 152 มาหลายปี มองว่าควรจะต้องมีเรื่องประเด็นที่ค่อนข้างกว้างมากกว่านี้เพื่อจะได้สอบถามกับคณะรัฐมนตรี และให้ข้อคิดเห็นในครั้งเดียวกัน นอกเหนือจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ไม่สามารถใช้ได้บ่อยควรเก็บกระสุนไว้ใช้ในยามที่จำเป็น แต่ถ้าเกิดมีการเจรจาพูดคุยระหว่างวิปฝ่ายค้านแล้วมีหลากหลายเรื่อง มากกว่าเรื่องภาษีสหรัฐ ก็อาจจะจบลงที่การเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติได้ ถ้าเป็นเรื่องภาษีสหรัฐอย่างเดียว ก็เป็นญัตติด่วนด้วยวาจาก็น่าจะเพียงพอ
มอง “วิทัย” นั่ง ผู้ว่า ธปท. คนใหม่ เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ฝากการบ้านลดดอกเบี้ยผู้กู้
นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึง ศักยภาพของ นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ว่า เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งผลงานที่ตนประทับใจอย่างหนึ่งคือ การเปิดบริษัทลูกของธนาคารออมสิน เข้ามาในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สามารถที่จะเข้ามาเพิ่มการแข่งขันในตลาดและลดดอกเบี้ยสินเชื่อการจำนำทะเบียนรถได้ จึงเป็นผลงานที่น่าประทับใจของนายวิทัย สำหรับเรื่องส่วนตัวก็คงจะไม่ก้าวล่วง แต่อยากฝากการบ้าน ให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ อย่างแรก คือการลดดอกเบี้ยอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้นได้ การที่แบงค์ชาติลดดอกเบี้ยลงที่ 0.75% แต่ธนาคารส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ของรายย่อยหรือ MRR ซึ่งแม้แต่ธนาคารออมสินที่นายวิทัยเคยบริหาร ก็ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเพียง 30 สตางค์เท่านั้น ดังนั้นจึงอยากฝากการบ้านว่า เมื่อลดดอกเบี้ยแล้ว ต้องไปกำชับธนาคารพาณิชย์ และธนาคารรัฐ ให้ลดดอกเบี้ยตามลงมา ไม่เช่นนั้น นโยบายการลดดอกเบี้ยจะไม่เกิดผลกับประชาชน ไม่ช่วยลดภาระ และไม่ช่วยให้แบงค์พาณิชย์ปล่อยกู้เพิ่มด้วย ดังนั้นการให้แบงค์พาณิชย์ปล่อยกู้เพิ่มต้อง ประสานงานให้มีนโยบายการคลัง สอดประสาน เช่น การค้ำประกันสินเชื่อ ให้ผู้กู้รายย่อยสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ จึงเป็นการบ้านที่ขอฝากให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ด้วย
เมื่อถามว่า ความท้าทายแรกที่นายวิทัยต้องเจอคืออะไร นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ และแนวโน้มของเศรษฐกิจชะลอตัว เป็นโจทย์ที่ยากและสำคัญ สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทย ในการดำเนินนโยบายทางการเงิน และการกำกับสารบัญการเงิน ให้สามารถรอดพ้นวิกฤตไปได้ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ แม้พอจะมีกระสุนตุนไว้ สำหรับดอกเบี้ย ที่เพิ่งลดเพียงสามครั้ง ที่ 0.75% แต่ก็เหลือไม่มากแล้ว จากนี้คงต้องใช้อย่างตรงจุดตรงเป้า ให้เกิดผลมากที่สุด ซึ่งรวมถึงการใช้นโยบายอื่นร่วมด้วย เพื่อดูแลการเงินทั้งระบบ และอัตราแลกเปลี่ยน ที่อาจเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ที่แข็งค่าขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร