“รมว.นฤมล” สั่งผู้บริหารสถานศึกษา พิจารณาปิดโรงเรียน หากได้รับผลกระทบจากพายุวิภา ย้ำ ความปลอดภัยนักเรียนต้องมาก่อน ด้าน “สมศักดิ์” ยืนยันรัฐบาล – กระทรวงสาธารณสุข พร้อมดูแลประชาชน
วันที่ 23 ก.ค. 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับทราบรายงานสถานการณ์สถานศึกษาได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” ส่งผลให้สถานศึกษาได้รับผลกระทบและน้ำท่วม จำนวน 5 โรงเรียน ประกอบด้วย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) จังหวัดชุมพร จำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านเขาบ่อ โรงเรียนบ้านคันธทรัพย์ โรงเรียนบ้านนางคอย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) จังหวัดสกลนคร จำนวน 1 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านพังโคน (จำปาสามัคคีวิทยา) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) จำนวน 1 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านกุดเม็ก สำหรับสถานศึกษาที่ทำการปิดเรียน มีจำนวน 496 แห่ง ในพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) จังหวัดน่าน และจังหวัดเชียงราย
“ขอให้ผู้บริหารและคณะครูในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและน้ำท่วมเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งรายงานสถานการณ์ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หากสถานศึกษาใดเกิดความเสียหาย ขอให้เร่งรายงานขึ้นมา ตนเองพร้อมพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วน ทั้งนี้ ภายหลังน้ำลดกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ขอให้เร่งเข้าไปสำรวจความเสียหาย โดยเฉพาะอันตรายจากไฟฟ้า ขอให้ตรวจสอบถึงความปลอดภัย ก่อนจะกลับมาเปิดเรียนตามปกติ” นางนฤมล ย้ำ
นางนฤมล ยังกล่าวต่อว่า ขอให้ผู้บริหารสถานศึกษา พิจารณาปิดโรงเรียนตามความเหมาะสม หากในพื้นที่สถานศึกษายังได้รับผลกระทบและน้ำท่วมจากพายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสำคัญ ในส่วนของนักเรียนในพื้นที่ได้รับผลกระทบต้องการความช่วยเหลือ ขอให้รีบช่วยเหลือ อะไรที่สามารถช่วยเหลือได้ขอให้เร่งดำเนินการ อะไรที่ต้องการให้สนับสนุนขอให้เร่งรายงานให้กระทรวงศึกษาดำเนินการต่อไป
...
“สมศักดิ์” ยืนยันรัฐบาล – สธ.พร้อมดูแลประชาชนและรับมือ “พายุวิภา”
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีอิทธิพลของพายุวิภาที่ส่งให้ฝนตกหนักและน้ำท่วมหลายพื้นที่ในประเทศไทยว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเน้นย้ำมาตรการรับมือมาโดยตลอด ตั้งแต่ช่วงที่มีฝนตกหนักและน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างเป็นต้นมา เมื่อมีพายุก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลประชาชนอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง และเด็ก เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และพายุครั้งนี้ทราบว่าส่งผลกระทบ 49 จังหวัด
ขณะที่สถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 5 แห่ง เป็น รพ. 4 แห่ง รพ.สต. 1 แห่ง คือ จ.น่าน รพ. 2 แห่งและรพ.สต. 1 แห่ง คือ รพ.เวียงสา และ รพ.เชียงกลาง น้ำท่วมหน้ารพ. แต่ยังให้บริการได้และ รพ.สต.ริม อ.ท่าวังผา จ.น่าน น้ำท่วมชั้นล่าง ปิดบริการชั่วคราว จ.พะเยา 1 แห่ง คือ รพ.เชียงคำ น้ำท่วมถนนหน้า รพ. ยังเปิดให้บริการตามปกติ จ.เชียงราย 1 แห่ง คือ รพ.เทิง น้ำท่วมบริเวณรอบๆ ทำให้การเดินทางเข้า-ออกไม่สะดวก โดยมีเรือให้บริการรับ-ส่ง ลำเลียงผู้ป่วย เปิดให้บริการเฉพาะผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ทั้งนี้มีแผนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดย จ.น่าน เตรียมอพยพผู้ป่วย 844 รายใน รพ.ทุกแห่งของ จ.น่าน หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น
“นอกจากนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่เกาะติดสถานการณ์และศึกษาเส้นทางน้ำไหล น้ำหลากเพราะอาจจะส่งผลกระทบมายังจังหวัดใกล้เคียง เพื่อจะได้รับมือได้ทันทีเพื่อลดผลกระทบ หากมีมวลการไหลทะลักเข้าพื้นที่ ต้องประเมินสถานการณ์ทุกระยะ จนกว่าจะคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมและมีแผนรับมือที่จะช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็ขอให้ประชาชนรับฟังข่าวสารการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานของรัฐ เพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อม หากต้องอพยพโยกย้ายก็จะเร่งดำเนินการ” นายสมศักดิ์กล่าว