ประกันสังคมยันกองทุนประกันสังคมมั่นคง แม้สังคมสูงวัยจะเพิ่มต่อเนื่อง ยันมีเงินซัพพอร์ตยาวถึง 55 ปี


วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ยืนยันว่า กองทุนประกันสังคมยังคงมีเสถียรภาพที่มั่นคง แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากโครงสร้างประชากรที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย โดยระบุว่าการประเมินว่าเงินอาจหมดภายใน 27 ปี เป็นการคาดการณ์เพื่อวางแผน มิใช่สถานการณ์ในปัจจุบัน

นางมารศรีชี้แจงถึงเสถียรภาพของกองทุนด้วย 3 เหตุผลหลัก ได้แก่ เงินสำรองปัจจุบัน อยู่ที่ 2.76 ล้านล้านบาท โดยรายรับมากกว่ารายจ่าย มีการเก็บเงินสมทบจาก 3 ฝ่ายประมาณ 235,059 ล้านบาทต่อปี และจ่ายสิทธิประโยชน์ 7 กรณีประมาณ 141,588 ล้านบาท คิดเป็น 60.2% ของรายรับ และวินัยทางการเงินดีเยี่ยมใช้เงินบริหารเพียง 2.3% ของกรอบที่กฎหมายกำหนด

เลขาธิการ สปส. กล่าวต่อว่า แม้คาดการณ์ว่าในปี 2579 ประเทศไทยจะเข้าสู่ "สังคมสูงวัยระดับสุดยอด" ที่มีผู้สูงอายุคิดเป็น 30% ของประชากร ทำให้เงินสมทบที่จัดเก็บได้อาจเท่ากับรายจ่าย แต่กองทุนจะยังมีเงินสำรองประมาณ 5.512 ล้านล้านบาท ซึ่งจะสามารถยืดอายุการดูแลสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนต่อไปได้ ไม่น้อยกว่า 30 ปี และตลอด 34 ปีที่ผ่านมา กองทุนได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ไปแล้วกว่า 97 ครั้ง โดยไม่เพิ่มอัตราเงินสมทบหรือเพดานค่าจ้าง

อย่างไรก็ตาม สปส. ตระหนักถึงความท้าทายจากสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นโควิด-19 ที่ทำให้กองทุนต้องจ่ายเงินช่วยเหลือเกือบ 300,000 ล้านบาท รวมถึงความท้าทายจากการเข้าสู่สังคมสูงวัยที่ผู้สูงอายุมีอายุยืนยาวขึ้น ทำให้ต้องจ่ายเงินบำนาญชราภาพนานขึ้น และค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น และเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว สำนักงานประกันสังคมจึงได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิรูประบบบำนาญอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมี 3 หมุดหมายสำคัญ ได้แก่

...

  1. ขยายสิทธิประโยชน์ ให้ครอบคลุมและเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การปรับเพดานค่าจ้างและการปรับสูตรบำนาญให้สะท้อนมูลค่าเงินสมทบตลอดการทำงาน

  2. เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน และศึกษาการขยายอายุเกษียณ

  3. ขยายกลุ่มความคุ้มครอง ไปยังแรงงานนอกระบบ เช่น กลุ่มเพาะปลูก กลุ่มทำงานที่บ้าน และหาบเร่แผงลอย รวมถึงแรงงานต่างชาติ

นางมารศรีกล่าวปิดท้ายว่า จากนโยบายและแนวทางดังกล่าว จะทำให้กองทุนประกันสังคมสามารถยืดอายุจากที่คาดการณ์ไว้ 30 ปี เป็น 55 ปี และพร้อมมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคงให้แก่แรงงานไทยในทุกช่วงวัย เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและหลักประกันทางสังคมที่มั่นคงตลอดไป.