“จักรภพ” เผย “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.ต่างประเทศ อยู่ที่สำนักงานใหญ่ UN นิวยอร์ก ชี้ ไทยได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ กัมพูชาเปิดฉากก่อน ซ้ำ พุ่งเป้าพลเรือน-รพ. ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน-หลักมนุษยธรรม
เมื่อเวลา 14.39 น. วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตโฆษกรัฐบาล เปิดเผยผ่านทาง X (ทวิตเตอร์) ถึงสถานการณ์ปะทะชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยยืนยันว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มความรุนแรง และยืนอยู่บนหลักกฎหมายสากลอย่างชัดเจน ในขณะที่กัมพูชาเป็นฝ่ายยั่วยุและเปิดฉากการยิงก่อน ประเทศไทยเป็นฝ่ายโต้ตอบ และกองทัพไทยได้ทำตามพันธสัญญาระหว่างประเทศครบถ้วนทุกประการ เพราะฉะนั้นนี่คือปฐมบทของความขัดแย้งในครั้งนี้ ซึ่งสุดท้ายก็ต้องไปลงท้ายด้วยโต๊ะเจรจาที่ไหนสักแห่ง และนี่แหละคือท่าทีที่ได้เปรียบของประเทศไทย สื่อมวลชนไทยต้องช่วยกันสื่อสารเรื่องนี้ให้มากที่สุด
ขณะเดียวกัน นายจักรภพ ยังกล่าวถึงพฤติกรรมของกัมพูชา ว่า การที่กัมพูชาหน้ามืดโจมตีเป้าหมายพลเรือนของไทย เช่น โรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จนมีประชาชนได้รับบาดเจ็บนั้น ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศทุกข้อ นี่คือการกระทำที่อาจกลายเป็นอาชญากรรมสงครามในวันหนึ่ง จึงขอให้จารึกไว้ให้ดีว่านี่คือข้อเสียเปรียบที่ร้ายแรงของฝ่ายกัมพูชาเป็นความผิดพลาดอย่างชนิดไม่อาจแก้ไขได้
พร้อมเสนอแนวทางการตอบโต้ทางยุทธศาสตร์ข้อมูลข่าวสาร ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ต้องชี้แจงกับประชาคมระหว่างประเทศ ผ่านทุกกลไกที่มีอยู่ เพื่อให้โลกได้รับรู้ถึงความจริงทั้งสองข้อข้างต้น รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทย ขอให้เรายึดพื้นที่ข่าวสารเอาไว้ก่อน และชี้แจงกับรัฐบาลและประชาชนทั่วโลกให้ชัดเจนเพราะสุดท้าย สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นข้อต่อรองที่มีประโยชน์อย่างมากบนโต๊ะเจรจา
...
พร้อมกันนี้ ยังได้เผยแพร่คลิประบุว่า “มีข่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาส่งหนังสือยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อจะกล่าวโทษไทยในเรื่องนี้ แต่อยากให้พี่น้องประชาชนได้ทราบและภูมิใจครับว่า ในขณะที่กัมพูชายังแค่จะส่งเอกสารเนี่ย ให้เอกอัครราชทูตเขามะงุมมะงาหราอยู่แถวนิวยอร์กเนี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย คุณมาริษ (เสงี่ยมพงษ์) ไปอยู่ที่นิวยอร์กเรียบร้อยแล้วครับ”
ขณะนี้ รมว.ต่างประเทศของไทย อยู่ที่สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ (UN) นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เราเตรียมการ ไม่ต้องห่วงว่าการต่อสู้ทางการด้านการทูตจะเป็นอย่างไร ย้ำอีกครั้งว่าเราได้เปรียบทั้งกัมพูชาเป็นผู้เริ่มก่อน เรามีแต่การตอบโต้ไปยังเป้าหมายทางการทหาร แต่กัมพูชาใช้เป้าหมายพลเรือน โรงพยาบาล เป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม ซึ่งเราเริ่มติดต่อสื่อสารกับประชาคมระหว่างประเทศ ทหารก็ว่ากันไป การทูตก็เต็มสูบ