“ภูมิธรรม” เผย “ทรัมป์” ชื่นชมไทยกล้าหาญรักษาสันติภาพ หลังเจรจาหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา มั่นใจส่งผลบวกปมภาษีสหรัฐฯ “มาครง” ร่วมชื่นชมด้วย ขอรอดูผลหยุดยิงหลังเที่ยงคืน เหตุต้องใช้เวลาประสาน
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 กรุงเทพฯ ภายหลังเจรจากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเรื่องการหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา โดยผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ติดต่อมา ว่า เมื่อสักครู่ประธานาธิบดีทรัมป์ จากสหรัฐอเมริกาโทรศัพท์มาแสดงความชื่นชมยินดีว่าเป็นความกล้าหาญของประเทศไทยเรา ที่ได้เปิดใจที่จะทำให้เป็นตัวอย่างในการที่จะรักษาสันติภาพให้เกิดขึ้นใน 2 ประเทศ และยังชื่นชมสิ่งที่เราทำว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศเราทั้ง 2 ที่ได้ร่วมมือกันทำครั้งนี้
“ที่สำคัญผมได้ตอบไป และได้ยืนยันความร่วมมือในทางยุทธศาสตร์ ที่เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ร่วมกันในการแก้ปัญหาครั้งนี้ ชื่นชมท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ที่มีบทบาทและมีโอกาสร่วมกับอีก 2-3 ประเทศที่ช่วยทำให้การร่วมมือกันอย่างสันติสุข และเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างมุ่งเน้นในเรื่องสันติสุขเป็นสำคัญ และผมก็ได้ขอบคุณว่าคุณโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยผลักดันเรื่องนี้ ท่านก็บอกว่านี่แหละเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดประชาคมในโลกทั้งหมดชื่นชมประเทศไทย ที่ได้ก้าวเข้าสู่การหยุดการกระทำที่รุนแรงต่างๆ และที่สำคัญคือการทำให้ประชาชนของประเทศไทยเราไม่สูญเสียมากไปกว่านี้ และจะทำให้การดำเนินกิจการต่างๆ เป็นประโยชน์”
...
มั่นใจภาษีสหรัฐฯ เป็นบวก “ทรัมป์” รับปากจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่มากได้
นอกจากนี้ ยังได้พูดถึงว่าหลังจากนี้จะเริ่มมีการคุยเรื่องการเจรจาทางภาษี ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ และเป็นสิ่งที่เราจะได้รับอย่างดียิ่ง เขาจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่มากและมากได้ เท่าที่เขาจะดูแลได้ โดยเราก็ชื่นชมว่าต่อจากนี้ไป เขาก็อยากจะมาเห็นเมืองไทย ในฐานะที่เราเองเป็นประเทศที่น่าชื่นชม และก็น่าจะมีสิ่งดีๆ หลายๆ อย่าง ทั้งวัฒนธรรม ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ เขาก็ชื่นชมสิ่งนี้กับเรา
“ผมก็ขอบคุณเขาด้วยใจ ว่าสิ่งที่ได้รับจากประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้ ที่มีส่วนช่วยให้ประเทศเราพ้นจากวิกฤติเรื่องนี้ เป็นเรื่องความรู้สึกในใจที่มีต่อกัน ก็ได้เชิญชวน เขาบอกเขาอยากมาเยี่ยมเมืองไทย เขาอยากมีโอกาสได้มาคุยกันส่วนตัว”
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าเรื่องการเจรจาภาษีจะมีผลบวกกับประเทศเราหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า เท่าที่ฟังตนว่าน่าจะบวกเยอะ น่าจะมีผลบวก เพราะถือว่านี่เป็นสิ่งที่เขาก็ปรารถนาที่จะให้เราได้มีส่วนสร้างสันติภาพในอาเซียนด้วยกัน และเราได้มีการพูดคุยกับอาเซียนทั้งหมด ก็มีความรู้สึกดีต่อกัน ฉะนั้นประธานาธิบดีทรัมป์ เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นและเป็นประโยชน์จริงๆ เขาก็ชื่นชมสิ่งที่เราตัดสินใจ กล้าที่จะหาทางออก และเป็นสิ่งที่ดีกับประชาชนทั้งหมด เพราะฉะนั้นตนเชื่อว่าเรื่องการเจรจาภาษีเขาน่าจะเริ่มต้นจากความรู้สึกดีที่เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ร่วมกัน และเชื่อว่าคนไทยจะได้ประโยชน์สิ่งนี้ ขณะที่ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็ชื่นชมยินดีในการคุยกัน ในการแก้ไขปัญหานี้ สนับสนุนให้มีการทำให้บรรลุผลเต็มที่
ขอรอดูหยุดยิงหลังเที่ยงคืน เชื่อ โลกเข้าข้างไทย
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีหากมีการยิงกันอยู่ภายใต้เงื่อนไขหยุดยิงตั้งแต่ 24.00 น.ของวันนี้ นายภูมิธรรม ระบุว่า “ก็ยังไม่ถึงเที่ยงคืน ก็รอให้ครบเที่ยงคืนก่อนแล้วก็ดูว่าผลเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้การต่อสู้ก็ยังต่อเนื่องถูกไหมครับ ต่อสู้ต่อเนื่อง การคุยกันที่กัมพูชา กรุงเทพฯก็ยังติดพัน ไม่เป็นการรบที่ติดพัน แต่ผมก็ยังเชื่อว่าขณะนี้รัฐมนตรีช่วยกลาโหมได้กลับไปแล้ว จะไปเจอในการที่จะพูดคุยกับเหล่าทัพ ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะจบอย่างดียิ่ง เพราะบรรยากาศทั้งหมด แล้วก็การที่ประชาคมโลกทั้งหมดสนับสนุนน่าจะไม่เป็นปัญหา”
ส่วนคำถามว่าที่ผ่านมากัมพูชาไม่ค่อยทำตามข้อตกลง รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นการพูดคุยของโลกแล้ว อาเซียนเข้ามาเกี่ยวข้อง และผู้นำอาเซียนก็แสดงความชื่นชมที่เราประสบความสำเร็จครั้งนี้ และถ้าหากว่าเขายังเป็นอย่างที่เคยเป็น ตนว่าวันนี้โลกเข้าข้างเรา
เมื่อถามถึงผู้สังเกตการณ์ว่าอย่างไรบ้าง นายภูมิธรรม เผยว่า ทุกคนชื่นชมในสิ่งที่เกิดขึ้น จนคิดว่าเวลานี้เขาอยู่ในสายตาของโลก เวลานี้สิ่งที่เราได้จากโลกคือความชื่นชมยินดี ความรู้สึกว่าประเทศเราเป็นประเทศที่ใจกว้าง เราส่งเสริมสันติภาพ ส่งเสริมความร่วมมือ และเราพูดแล้วเราทำจริง คิดว่าสิ่งที่เราได้น่าจะมากเพียงพอ
นับหนึ่งจุดเริ่มต้นที่ดีในตอนเที่ยงคืน
ในประเด็นคำถามว่าหากมีการหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืน แต่คนของกัมพูชายังอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของไทย ต้องผลักดันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวตอบว่า “ขณะนี้เราให้ผู้นำทางทหารทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งรู้สถานการณ์จริงจะคุยกัน หยุดยิงคืนนี้เที่ยงคืน พรุ่งนี้ 7 โมงเช้า เราให้แม่ทัพภาค 2 กับแม่ทัพภาค 1 คุยกับกองทัพภาคที่ 4 ที่ 5 ของเขา ตอนนี้ได้ข่าวว่าเขาพยายามจะติดต่อกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอยากให้ดูให้ไกลให้กว้างว่า การนับหนึ่งที่จุดเริ่มต้นที่ดีในตอนเที่ยงคืน ขณะนี้เป็นช่วงต่อเนื่องคิดว่าเราต้องเข้าใจบรรยากาศที่มันต่อเนื่องกันอยู่ และความยาวมัน 800 กิโลเมตร ผมว่ารอให้ดูพรุ่งนี้ก่อน วันนี้เราน่าจะยืนอยู่ในจุดยืนที่ว่าเราได้แสดงออกให้ชาวโลกรู้แล้ว และประชาคมโลกได้ยื่นเข้ามาแล้ว ถ้าวันนี้กัมพูชายังไม่สามารถทำในสิ่งที่ควรเป็น ผมว่าเขาจะเสียหายต่อประชาคมโลกมาก โลกจะยืนอยู่ข้างเรา”
นายภูมิธรรม กล่าวต่อไปอีกว่า สิ่งที่เราไม่อยากเห็น ไม่อยากให้เกิดขึ้นกรณีทหารเสียชีวิตเพิ่ม เราก็เสียใจ แต่เราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างหนึ่งว่าการสู้รบยังต่อเนื่องอยู่ และคิดว่าควรรอดูผลทั้งหมด ไม่ควรดูผลเฉพาะหน้าแค่นี้ ต้องดูผลที่มีอยู่ทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งว่าอะไรเกิดขึ้นและทั้งหมดเป็นอย่างไร เพราะว่าสงครามเวลามันเกิดขึ้นมันยากที่จะให้ทันที เราจึงได้ยืดเวลาเพื่อที่จะมีการประสาน
ขณะที่คำถามว่าพูดได้เต็มปากหรือยังถึงเป้าประสงค์ของกัมพูชาว่าต้องการอธิปไตยใครหรือไม่ นายภูมิธรรม บอกว่า อยู่ที่วันนี้ที่ได้คุยกันและเป็นประโยชน์ เราเชื่อว่าทั้งหมดจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี ก่อนที่นายภูมิธรรมจะขอจบการให้สัมภาษณ์เนื่องจากวันนี้ได้พูดไปเยอะแล้ว.