“พีระพันธุ์” เร่งผลักดันติดตั้งระบบโซลาร์ หนุนประชาชนผลิตไฟใช้เองลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน หลัง ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เตรียมผ่านกฤษฎีกาก่อนเข้าสู่สภาฯ


วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. .... ตามข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน เพื่อมุ่งส่งเสริมให้ประชาชนติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับผลิตไฟใช้เอง โดยลดขั้นตอนของการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น จะช่วยลดภาระด้านค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าของประชาชน ทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดของประชาชนด้วย

“ปัจจุบันภาคประชาชนและภาคธุรกิจมีปัญหาความยุ่งยากและล่าช้าของกระบวนการขออนุญาตเกี่ยวกับการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้เอง จากหน่วยงานของรัฐและกฎระเบียบหลายฉบับ ซึ่งกระบวนการพิจารณายังคงต้องอาศัยการประสานงานจากหน่วยงานภาครัฐหลายฝ่าย ทำให้เกิดภาระด้านเอกสาร เวลา ค่าใช้จ่าย และเสียโอกาสจากขั้นตอนการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนกัน กระทรวงพลังงานจึงเสนอร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. .... เพื่อเป็นการสร้างกรอบกฎระเบียบกลางที่ชัดเจนและเป็นเอกภาพ ในการลดขั้นตอนให้สะดวกและรวดเร็ว และกำกับดูแลให้เป็นไปอย่างมีมาตรฐานความปลอดภัย”

...

นายพีระพันธุ์ เผยต่อไปถึงสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า มีบทบัญญัติที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะเกี่ยวกับระเบียบและหลักเกณฑ์ในการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับผลิตไฟใช้เอง ซึ่งได้แก่การติดตั้งบนหลังคา (solar rooftop) การติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ (solar floating) และการติดตั้งบนพื้นดิน (solar ground mount) รวมถึงหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบและกำกับติดตาม โดยจะบังคับใช้กับสถานที่อยู่อาศัย สถานประกอบกิจการ และสถานที่ประกาศกำหนดโดยรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน

สำหรับผู้ต้องการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ จะต้องแจ้งการติดตั้งให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยไม่ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐอีก เช่น การขออนุญาตเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า รวมทั้งยังได้กำหนดมาตรการด้านความปลอดภัย และการกำกับการใช้กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้เฉพาะในสถานที่ติดตั้งเท่านั้น หากจะมีการ “จำหน่าย” หรือ “ให้” กระแสไฟฟ้า ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด รวมถึงในบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยอัตราค่าไฟฟ้าให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ภายใต้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับติดตามอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์และซากอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้การใช้พลังงานแสงอาทิตย์มีความปลอดภัยสำหรับประชาชน และมีบทบัญญัติเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้เกิดการกำกับการใช้งานให้มีมาตรฐานและความปลอดภัย โดยจะต้องแจ้งเจ้าของสถานที่ติดตั้งทราบก่อนเข้าตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม หลังจากร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. .... ผ่านการพิจารณาเห็นชอบของ ครม. แล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา ผ่านสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาตามลำดับ.