“บิ๊กเล็ก” ยืนยัน ทหารไทยพาคณะผู้สังเกตการณ์ IOT ลงพื้นที่ช่องอานม้าอยู่ในข้อตกลงประชุม GBC มั่นใจรับมือจิตวิทยา “กัมพูชา” ได้ หลังใช้โล่มนุษย์ยั่วยุแนวชายแดน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 ส.ค. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ทหารกัมพูชาโวยวายขณะที่ทหารไทยพาคณะผู้สังเกตการณ์ IOT จาก 8 ชาติอาเซียน ลงพื้นที่ช่องอานม้า ว่า ยังไม่ได้รับรายงานหรือเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว แต่คิดว่าต้องคุยกัน เพราะพื้นที่ดังกล่าวตกลงกันแล้วตั้งแต่ประชุม GBC ว่าจะมีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) หรือ IOT พร้อมสื่อมวลชน ลงพื้นที่ตรวจสอบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา ความตั้งใจของตนเองหลังจากการประชุม GBC เสร็จจะต้องประชุม RBC ต่อ ทั้งสองฝ่ายต้องมาคุยกันในรายละเอียดข้อตกลงทั้ง 13 ข้อจะต้องทำอย่างไร เมื่อคณะ IOT ลงไปแล้วไม่มีการประสานกัน แล้วทหารกัมพูชามาต่อว่า ก็ต้องคุยกันเพราะเราอยากให้มีกลไกเข้ามาตรวจสอบทั้งสองฝ่ายเพื่อแสดงถึงความโปร่งใสเปิดเผยเพราะประเทศไทยมีแต่ความจริงใจ
กัมพูชา ขอเพิ่มชุด IOT
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้จะสื่อเชิงสัญลักษณ์ว่าทหารกัมพูชาไม่ยอมรับกระบวนการเจรจาและการพูดคุยของประเทศไทยหรือไม่นั้น พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่าคงต้องดูในรายละเอียดแต่หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์กับดาโต๊ะ ซรี อันวาร์ บิน อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียน โดยแจ้งว่ากัมพูชาอยากจะเพิ่มเจ้าหน้าที่ชุด IOT สาเหตุเพราะอัตราคนในสำนักงานไม่สามารถรองรับงานที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งได้คุยกับกัมพูชาโดยกัมพูชาก็ตอบรับ ส่วนประเทศไทยเรายืนยันขอให้คงจำนวนเดิม ถ้าจะเพิ่มคนก็ขอให้เพิ่มคนในสถานทูตไปก่อน
...
มั่นใจรับมือจิตวิทยาฝ่ายตรงข้ามได้
ส่วนเหตุการณ์ชายแดน บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว พื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้วที่ยังมีชาวบ้านฝั่งกัมพูชายั่วยุ แสดงความไม่พอใจทหารเอาลวดหนามไปวางและมีการตั้งข้อสังเกตว่ากัมพูชาจะใช้จิตวิทยา เอาโล่มนุษย์มาเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายแนวรั้วลวดหนาม รัฐบาลไทยและทหารจะรับมืออย่างไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่าก็ยังคงคำตอบเดิมคือต้องการให้ใช้กลไก RBC ในการพูดคุยกันซึ่งเป็นไปตามลำดับคือการพูดคุย RBC ไป IOT และต่อไปยกระดับเป็น AOT แต่ถ้า IOT ทำงานแล้วไม่มีปัญหาอะไรก็จะใช้กลไกนี้ไปเรื่อยๆ
เมื่อถามย้ำรัฐบาลและทหารจะรับมือกับจิตวิทยาของประชาชนและโล่มนุษย์ของกัมพูชาได้หรือไม่นั้น พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่าต้องรับให้ได้และพยายามไม่ให้เกิดการปะทะกันไม่ให้ใช้อาวุธถ้าที่สุดแล้วจำเป็นแล้วก็ต้องมาว่ากันอีกทีแต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพราะตอนนี้อย่างน้อยในอาเซียนก็มาเฝ้าดูอยู่แล้ว จากกลไกของ IOT เราก็จะต้องไม่แสดงอาการว่าเราเป็นฝ่ายยั่วยุเสียเอง ก็ต้องใช้ความอดทนจนถึงจุดหนึ่งก็มาว่ากันอีกที
โวนานาชาติเชื่อข้อมูลไทย
พล.อ.ณัฐพลยังกล่าวถึงผลการตอบรับของคณะทูตนานาชาติที่กระทรวงการต่างประเทศพาลงพื้นที่ความเสียหายจากการปะทะการใช้อาวุธของทหารกัมพูชาว่า นานาชาติเชื่อถือในข้อมูลของเราและในการประชุม GBC สื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ มารอฟังจากการแถลงของเรา นั่นแสดงให้เห็นว่าข้อมูลของเรามีเครดิตที่ดีกว่า
ปัดตอบฟ้องผู้นำกัมพูชาเบาไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ณัฐพล ไม่ขอแสดงความเห็นหลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยจะฟ้องเอาผิดผู้นำกัมพูชาและรัฐบาลกัมพูชาในประเทศไทยว่าเป็นข้อหาที่เบาไปอาจจะทำให้ประเทศไทยไม่ได้รับความร่วมมือและสนใจปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ตนเองขอโฟกัสในส่วนที่ตนเองอยู่ในที่ประชุม เพราะเป็นกลไกกฎหมายที่เอามาเสนอในที่ประชุม สมช. ซึ่งเป็นกลไกที่เริ่มต้นและคงจะมีอะไรที่เพิ่มเติมต่อไป เพราะไม่กล้าที่จะให้คำตอบกลไกที่เกี่ยวกับกฎหมายที่อาจคลาดเคลื่อนได้
ขอลำดับความสำคัญสร้างรั้วถาวร
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ไม่ได้พูดถึงการล้อมรั้วลวดหนามในระยะยาว เพราะลวดหนามที่วางอยู่ปัจจุบันวางไว้ในลักษณะเป็นเครื่องกีดขวางไม่ให้ฐานกัมพูชาเข้ามาวางทุนระเบิดในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ส่วนรั้วถาวรยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากติดขัดเรื่องงบประมาณที่มีไม่เพียงพอ และจะต้องจัดลำดับความสำคัญของการใช้งบประมาณ ขณะเดียวกันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ริมแม่น้ำโก-ลก ก็มีการขอรั้วกั้นที่เป็นถาวรเหมือนกัน แต่เราก็ยังไม่ได้ให้ พอเกิดปัญหากัมพูชาแล้วมาสร้างรั้วที่ชายแดนกัมพูชาอาจจะเกิดมาตรฐานขึ้นได้ ดังนั้นจึงขอจัดลำดับเร่งด่วนว่าเรื่องไหนควรมาก่อนหลัง