ปลัดมหาดไทย ยัน เลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” กับ “นายอลงกต” ข้าราชการกรมชลประทานที่เสียชีวิตไปแล้ว คนละเลขกัน สั่งกรมการปกครองสอบเพิ่มใน 2 สัปดาห์ หากพบผิดพลาดดำเนินการตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 สิงหาคม 2568 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีเลขประจำตัวประชาชนของ หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ตรงกับ นายอลงกต พลมุข ข้าราชการกรมชลประทานที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยยืนยันว่า สำนักงานกรมการปกครอง ซึ่งมีสำนักบริหารทะเบียน เลขบัตรประจำตัวประชาชนทุกคนซ้ำกันไม่ได้อยู่แล้ว และกรมการปกครองชี้แจงให้สื่อมวลชนได้รับทราบแล้วว่าเลขบัตรประจำตัวของหลวงพ่ออลงกต ที่นามสกุลเดิมพูลมุข มีสระอู แต่นายอลงกต พลมุข ที่เสียชีวิตไปแล้วไม่มีสระอู ซึ่งเป็นคนละคนกัน และเลขบัตรประจำตัวประชาชนก็คนละเลขกัน ซึ่งเป็นการยืนยันที่กรมการปกครองได้รายงานมาว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนเดียวกัน จึงเป็นหลักฐานทางทะเบียน
แต่การนำเลขบัตรประจำตัวประชาชนไปทำธุรกรรมของธนาคารต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าทำไมถึงใช้เลขบัตรของผู้ที่เสียชีวิต เราได้บอกว่าถ้ากรมการปกครองสามารถสร้างความกระจ่างให้ได้มากขึ้น ให้ไปตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ถึงจะทราบผล พร้อมกันนี้ นายอรรษิษฐ์ ยืนยันว่าทั้ง 2 คนคือ หลวงพ่ออลงกต ซึ่งเกิดปี พ.ศ. 2503 และนายอลงกต ที่เกิดปี 2505 นั้นคนละคนกัน เลขบัตรประจำตัวประชาชนก็คนละเลขกัน
...
ผู้สื่อข่าวถามต่อ ตั้งแต่ปี 2503 ตั้งแต่หลวงพ่ออลงกตเกิด จนถึงปี 2552 ไม่มีข้อมูลปรากฏในทะเบียนราษฎร์ แต่นำเลขบัตรประจำตัวประชาชนไปใช้ทำธุรกรรมหรือออกหนังสือราชการ จะมีความผิดอะไรหรือไม่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เป็นเลขบัตรประจำตัวประชาชนเลขเดิมของท่านที่ทำตอนที่มีบัตรประชาชน แต่จะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบถ้ามีข้อผิดพลาด ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินการตามข้อมูลทางกฎหมาย
ส่วนคำถามว่า กองทุนอาทรประชานาถของวัดพระบาทน้ำพุ นำเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วไปเปิดเป็นพร้อมเพย์ นายอรรษิษฐ์ ระบุว่า ต้องตรวจสอบว่าทำไมถึงใช้เลขของผู้เสียชีวิตไปเปิดเป็นกองทุน เพราะจริงๆ แล้วเลขของหลวงพ่ออลงกตนั้นเป็นคนละเลขกัน ต้องตรวจสอบคนที่นำไปใช้ เราไม่แน่ใจว่าคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ดำเนินการอย่างไร จึงต้องตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมาขอข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายอรรษิษฐ์ ตอบว่า กรมการปกครองเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบน่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรก็จะมีการรายงานมายังกระทรวงมหาดไทยอยู่แล้ว.