“สภาองค์กรของผู้บริโภค” เสนอรัฐบาลใช้งบ 34,000 ล้านบาทโครงการทางด่วนสองชั้น เดินหน้ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายลดค่าใช้จ่ายประชาชนและสนับสนุนขนส่งสาธารณะ ทุกคนขึ้นได้ทุกวัน
วันที่ 27 ส.ค. 2568 น.ส.สาลี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค ระบุว่า สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ออกจดหมายเปิดผนึกต่อรักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เพื่อขอให้ใช้งบประมาณ 34,000 ล้านบาทที่กระทรวงคมนาคมได้ตั้งงบประมาณในการดำเนินโครงการทางด่วนสองชั้น เพื่อแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานคร ไปทำนโยบายและดำเนินการขนส่งสาธารณะ แทนการสร้างถนนทางด่วนสองชั้นที่เกินความจำเป็นและไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรได้จริง และเสนอให้นำงบประมาณเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท
หนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ทั้งนี้เพราะเห็นว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย และหลายพรรคการเมืองมีนโยบายใกล้เคียงกัน เช่น พรรคภูมิใจไทย 40 บาทต่อวันไม่จำกัดเที่ยว, พรรคประชาชน รถเมล์และรถไฟฟ้า 8-45 บาทตลอดสาย, พรรคประชาธิปัตย์ 50 บาทตลอดวันตลอดสายไม่จำกัดเที่ยว และมีอีกหลายพรรคการเมืองที่สนับสนุนให้มีบริการขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงและเท่าเทียมมากขึ้น
เน้นขนส่งมวลชนทุกคนทุกวัน
รวมทั้งสภาผู้บริโภคและสมาชิกสภาผู้บริโภคใน 58 จังหวัด ได้เสนอและผลักดันนโยบาย “ขนส่งมวลชนทุกคนขึ้นได้ทุกวัน” เดินออกจากบ้าน 500 เมตร เจอป้ายรถสองแถว (รถเมล์) ค่าบริการขนส่งสาธารณะไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของค่าแรงขั้นต่ำของประชาชนทุกคนทั่วประเทศ และจากการทำงานของสภาผู้บริโภคมีข้อมูลเชิงประจักษ์รองรับชัดเจน
ยันต้นทุนค่าโดยสารรับได้ 20 บาท
...
น.ส.สาลี กล่าวด้วยว่า ผลการศึกษาของอนุกรรมการผู้เชี่ยวชาญสภาผู้บริโภคชี้ชัดว่า ค่าใช้จ่ายเดินรถต่อคนต่อเที่ยวของผู้บริโภคระหว่างปี พ.ศ. 2557–2562 มีต้นทุนเฉลี่ยต่อคนต่อเที่ยวโดยสารระหว่าง 10.10–16.30 บาท ขึ้นกับจำนวนผู้โดยสารและค่าใช้จ่ายในแต่ละปี ซึ่งข้อมูลนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาของกรุงเทพมหานครที่ยืนยันว่า ค่าบริการเดินรถประมาณ 11–13 บาทต่อคนต่อเที่ยว รวมถึงโครงการศึกษากำหนดอัตราค่าโดยสารของกรมการขนส่งทางราง ปี 2567 ที่ระบุว่า ค่าเฉลี่ยต้นทุนงานระบบรถไฟฟ้าต่อผู้โดยสารสำหรับรถไฟฟ้ารางหนัก (Heavy rail) จะอยู่ที่ 14.31 บาท และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT หรือ Monorail) จะอยู่ที่ 11.67 บาทเท่านั้น ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ค่าโดยสาร 20 บาท มีความเป็นไปได้จริงและเป็นราคาที่ยุติธรรมต่อผู้บริโภค และที่สำคัญบริการรถไฟฟ้ายังมีรายได้เพิ่มเติมจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และรายได้จากการโฆษณาของรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก เพียงแต่การดำเนินการที่ผ่านมาสัญญาสัมปทานที่เกิดขึ้นทั้งหลายมีมรดกบาปหรือค่าโง่ที่ติดค้างการดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน
จี้เปลี่ยนงบสร้างทางด่วน หนุนรถไฟฟ้า
สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงขอเสนอและเรียกร้องต่อรักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ยึดมั่นในหลักการที่ว่า ระบบขนส่งสาธารณะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคทุกคนที่ต้องขึ้นได้จริงทุกวัน ขอให้นำงบประมาณจำนวนไม่น้อยกว่า 34,000 ล้านบาทที่กระทรวงคมนาคมได้ตั้งงบประมาณไว้ในการดำเนินโครงการทางด่วนสองชั้น โดยใช้เหตุผลเพื่อแก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครที่ไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรได้จริง ปรับเปลี่ยนนำงบประมาณส่วนนี้มาใช้เพื่อให้บริการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สามารถเดินหน้าได้จริง ถึงแม้จะยังไม่มีกฎหมายตั๋วร่วมหรือกฎหมายอื่นๆ ตามที่ชี้แจง เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในฐานะผู้บริหารประเทศ สะท้อนให้เห็นว่าได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนงบประมาณบางด้านที่เกินความจำเป็นและมีประโยชน์น้อยกว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม
มั่นใจช่วยลดภาระการเดินทาง
เพราะบริการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ก้าวสู่การใช้พลังงานสะอาด ลดค่าครองชีพเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะให้กับประชาชนทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการที่ว่า ระบบขนส่งสาธารณะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคทุกคน
เหลืองบฯซื้อรถเมย์ไฟฟ้าให้ตจว.
นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณเหลือจำนวน 28,500 ล้านบาท (34,000-5,500 = 28,500 ล้านบาท) ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้าให้บริการผู้บริโภคในต่างจังหวัดได้มากถึง 5,700 คัน หรือจำนวน 75 คันต่อจังหวัด (ประมาณราคารถเมล์ไฟฟ้า 5 ล้านบาทต่อคัน) และที่สำคัญโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายยังมีประโยชน์และมีมูลค่ามากถึง 10,049.73 ล้านบาท ต่อการพัฒนาในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ: ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากถึง 7,360.43 ล้านบาท ด้านสังคม: ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ และเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนคิดเป็นมูลค่า 2,612.02 ล้านบาท ด้านสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อย CO₂ 77.28 ล้านบาท