กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน เฮลั่น หลัง "แพทองธาร" ถูกวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกฯ คดีคลิปเสียง พร้อมนัดชุมนุมใหญ่ 31 ส.ค. อนุสาวรีย์ชัย ตั้งแต่เที่ยงวัน ย้ำจุดยืนไม่เอาแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 สิงหาคม ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.วรงค์ เดชวิกรม นายพิชิต ไชยมงคล นายแก้วสรร อติโพธิ นัดแถลงข่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีคลิปเสียงสนทนาระหว่างน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง กลุ่มมวลชนที่มารอ ได้ปรบมือ ส่งเสียงเฮ และตะโกนว่า “อุ๊งอิ๊งออกไป ชัยเกษมไม่เอา ไม่เอาเพื่อไทย”
จากนั้นเวลา 16.00 น. นายพิชิต กล่าวว่า แม้ว่า น.ส.แพทองธาร จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลทันทีและย้อนหลังกลับไปนั้น แต่เนื่องจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคน และอยู่ภายใต้การบงการและสั่งการได้จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ข้อกล่าวหาและคำพิพากษาที่เราได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่าวันนี้ยังมีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าของประเทศนั้น เราจึงมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ และไม่ไว้วางใจคือผลประโยชน์ทับซ้อนที่อยู่เหนือเกียรติภูมิของประเทศชาติภายใต้การนำของนายทักษิณ เราจึงไม่ไว้วางใจพรรค พท. ที่มีการแทรกแซงจากนายทักษิณ ในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะก็ยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่
“ดังนั้น จึงขอนัดหมายพี่น้องประชาชนมาร่วมกันแสดงพลังเพื่อคัดค้านและไม่เห็นด้วยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงเราไม่เห็นด้วยที่จะให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งในและต่างประเทศ ฉะนั้น จึงเชิญชวนพี่น้องมาแสดงพลังในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป” นายพิชิต กล่าว
...
นายพิชิต กล่าวต่อว่า ส่วนการคัดเลือกนายกรัฐมนตรีคนอื่น ก็ขอให้เป็นไปตามกลไกของรัฐสภา แต่เรามีเงื่อนไขที่ต้องแถลงต่อไป แต่เบื้องต้น ขอนัดหมายพี่น้องมาแสดงพลังเรื่องการคัดค้านผลประโยชน์ทับซ้อนของพรรคเพื่อไทย
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ตนทราบข้อมูลเบื้องต้นที่ศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยนายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งในเรื่องมาตรฐานจริยธรรมเสียงข้างมาก 6:3 เป็นบุคคลใดนั้น เราคงได้ทราบในคำแถลงต่อไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา หลายวันนี้ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนได้ติดตามเรื่องนี้ด้วยความไม่สบายใจ เต็มไปด้วยข่าวลือ และเรื่องราวต่างๆ แม้กระทั่งก่อนการวินิจฉัยก็เต็มไปด้วยข่าวที่สร้างความไม่สบายใจ แต่เมื่อมีมติเสียงข้างมากของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งเป็นทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย รวมถึงความสงบเรียบร้อยของประเทศ เราจึงต้องขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากทั้ง 6 คน และเมื่อ น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ถามว่าทำไมพวกเราจึงต้องมีการจัดชุมนุม ก็แสดงพลังเพื่อไม่ให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย คือนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ คนต่อไป
ทั้งนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินฯ เราเห็นว่าการจะให้นายชัยเกษมมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำให้สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาไม่มีความจบสิ้น ไม่ใช่การรบไม่ขลาด แต่จะเป็นการรบไม่ขาด เพราะไม่รู้ว่าฝั่งนั้นจะเปิดข้อมูลอะไรมาอีก อีกทั้งการเจรจาก็ไม่ขาด เพราะมีอำนาจอื่นใดที่พร้อมจะงัดขึ้นมาได้ตลอดเวลา
“เราไม่สนใจว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่คนที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องไม่อยู่ภายใต้อาณัติของกัมพูชา หลายคนถามว่าไม่เอานายชัยเกษม ไม่เอาพรรคเพื่อไทยแล้วจะเอาใคร เอาใครก็ได้ที่รับเงื่อนไขของประชาชนได้ โดยเงื่อนไขแรกคือต้องยกเลิก MOU ปี 43 และปี 44 ทันที สองคือต้องยกเลิกเอนเตอร์เทนคอมเพล็กซ์ทันที สามคือยกเลิกการขายแผ่นดิน 99 ปีทันที สี่คือแลนด์บริดจ์ที่แอบไปซุกที่จะต้องถูกยกเลิกโดยทันที รวมถึง พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงิน ที่จะสร้างสกุลทางการเงินขึ้นมาใหม่ ก็จะต้องยกเลิกโดยทันที ฉะนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี หากรับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ ก็จะต้องเจอการขับไล่ต่อไป ไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวต่อว่า คณะรวมพลังแผ่นดินฯ เดินมาถึงจุดที่ต้องการให้คนไทยยึดหลักประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก การนัดชุมนุมใหญ่ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม ก็เพื่อแสดงจุดยืน หากพี่น้องไม่ออกมา พรรคร่วมรัฐบาลที่เราบอกว่าพายเรือให้โจรนั่ง แต่ต่อมากลับเป็นโจรพายเรือให้โจรนั่งนั้น เขาอาจพายเรือกันต่อ แล้วเชิดนายชัยเกษมขึ้นมา ฉะนั้นเราอย่ารอให้สถานการณ์เดินไปถึงจุดนั้น ย้ำว่าการมาร่วมแสดงพลังของประชาชนในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ จะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ไม่เช่นนั้นนักการเมืองก็จะคิดประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก ย้ำว่าอยากให้พี่น้องประชาชนมารวมพลังกันในวันที่ 31 สิงหาคมตั้งแต่เที่ยงวัน เราจึงจะสามารถหยุดการสืบทอดอำนาจที่จะเอาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของพรรคเพื่อไทยได้
ขณะที่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า เราต้องสู้ต่อไป แม้เราจะต่อสู้กันมาตลอด การต่อสู้ทุกอย่างยังไม่จบ นี่เป็นเพียงแค่แสงไฟที่ปลายอุโมงค์เท่านั้น ฉะนั้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าวันหนึ่งประชาชนจะเป็นผู้ชนะทั้งหมด และตนย้ำเสมอว่าตระกูลชินวัตรกับพวกเราไม่มีอะไรกัน แต่เราทนไม่ได้ที่ระบบทักษิณจะสร้างพรรคการเมืองหุ่นเชิดเข้ามาในประเทศไทย วันนี้ไปแล้วสองคนคือนายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร เราจะยอมให้นายชัยเกษมเข้ามาหรือไม่
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ชัยชนะเรื่องการต่อสู้คลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่สิ่งที่เราต้องเจออีกหลายอย่างคือเราต่อสู้กับระบบทักษิณยังไม่จบ ตัวใหญ่ของระบอบทักษิณต้องจบในวันที่ 9 กันยายน เราต้องเกี่ยวก้อยกันไปเพื่อให้ระบอบทักษิณสูญสิ้นไปจากประเทศไทย ทั้งที่ทหารบาดเจ็บไปหลายคน เรายังมีอีกหลายคนที่ต้องต่อสู้ และหวังว่ารัฐบาลใหม่ต้องอย่าเกรงใจเขมร อย่าเกรงใจสมเด็จฮุน เซน หากเกรงใจอีก ก็จะถูกไล่อีกแน่นอน หากเกิดอะไรขึ้นกับเขมร รัฐบาลใหม่ต้องไฟเขียวให้กองทัพจัดการ และอนุญาตให้กองทัพจัดตั้งรั้ว