หัวหน้าพรรคประชาชน เผยตัดสินใจเลือกใครไม่เลือกใคร บ่ายวันที่ 1 ก.ย. นี้ คาดโหวตเลือกนายกฯ ได้ 3 ก.ย. ย้ำทุกพรรคต้องดีลบนโต๊ะเข้าที่ทำการพรรค ไม่โหวตให้แน่นอนหากเสนอชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์”
วันที่ 30 ส.ค. 2568 เมื่อเวลา 15.30 น. ที่โรงแรมคอนราด นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยถึงกับสายข่าวดีลแลกเก้าอี้ 8 รัฐมนตรีให้นอมินีเข้าไปทำหน้าที่แทนว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีดีลลับใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น ตอนนี้ตนเองและเพื่อนสมาชิกเราต้องการใช้ 140 กว่าเสียงของพรรคประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผ่าทางตันให้กับประเทศโดยไม่ร่วมรัฐบาล ความหมายคือ หากพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จะมาขอเสียงจากพรรคเพื่อโหวตนายกฯ ให้ โดยมีสภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือหลักการที่ได้สื่อสารไปก่อนหน้านี้
“การเจรจาต่อรองอะไรต่างๆ ที่บอกว่ามีดีลรับว่าพรรคประชาชนได้ไปขอแลกตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆ ขอปฏิเสธอีก 1 ครั้งว่าไม่มีทั้งสิ้น เราไม่รับการเจรจาอะไรที่เป็นใต้โต๊ะหรือที่เป็นหลังบ้านใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีข่าวออกมาเป็นการให้สัมภาษณ์การพูดด้วยวาจาปากเปล่า อย่างเช่นไม่ได้ส่งผู้บริหารของพรรคเข้ามาพูดคุย เพื่อที่จะแสดงเจตจำนงแล้วรับข้อเสนอของพรรคประชาชนพร้อมกับผมหรือผู้บริหารพรรคที่พรรคประชาชน ถ้าไม่ส่งตัวแทนเข้ามาเราไม่ได้รับว่าเป็นข้อเสนออย่างเป็นทางการใดๆ ทั้งสิ้น”
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าในอดีตมีการเจรจาบนโต๊ะแต่ก็มีบางพรรคล้มดีล ฉีกข้อตกลงที่ทำไว้กับประชาชน ในครั้งนี้ในฐานะหัวหน้าพรรค จึงขอไม่รับข้อเสนอใดๆ ที่ไม่ได้มีการแสดงเจตจำนงที่ชัดเจน และไม่ได้ส่งตัวแทนอย่างเป็นทางการเข้ามาพูดคุย
...
เมื่อถามว่ายังไม่ได้รับปากจากทางพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องใช้กระบวนการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ย้ำว่าพรรคประชาชนยังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะจะต้องใช้การตัดสินใจจากผู้บริหารพรรคและที่ประชุม ส.ส. ในวันจันทร์ที่ 1 กันยายน ช่วงบ่าย เพราะฉะนั้นข้อเสนอ TOR ที่พรรคประชาชนได้เปิดออกไปนั้น จำเป็นจะต้องยอมรับข้อเสนอของเรา และต้องแสดงเจตจำนง ต้องเข้ามาพูดคุยกับผู้บริหารพรรคและตนเองอย่างเป็นทางการในที่ทำการพรรค
ส่วนที่เพื่อไทยบอกว่ามีการเจรจาแล้ว หากไปเจรจาทางลับ ไม่มีการพูดคุยโดยตรงจะถือว่าไม่มีการรับข้อเสนอใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนทางพรรคภูมิใจไทยที่เข้ามาพูดคุยกับตนเอง ได้แสดงเจตจำนงว่ารับข้อเสนอกับพรรคประชาชน ส่วนพรรคอื่นที่ให้ข่าวออกไป ไม่ถือว่าเป็นแสดงเจตจำนงใดๆ ทั้งสิ้น จึงขอให้ฟังข่าวอย่างเป็นทางการ เพราะตอนนี้มีการปล่อยข่าวเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง
ตอนนี้ยังไม่ได้ประเมินว่าใครจริงใจไม่จริงใจไปมากกว่ากัน แต่ประเมินจากเสียงในสภา และข้อเสนอใน TOR ที่ต้องการฝ่าทางตันทางการเมือง และต้องยุบสภาหลัง 4 เดือน โดยตอนนี้ทุกพรรคมีโอกาสเท่ากันก่อนที่จะประชุม ส.ส. เพราะไม่ได้มีธงล่วงหน้า
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวยืนยันว่าทุกการตัดสินใจของพรรคประชาชนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่ได้พิจารณาว่าเราได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมืองแต่อย่างใด ตนเองสื่อสารไปหลายครั้งแล้วตอนนี้ประเทศที่มีเหตุการณ์รุมเร้าอยู่หลายด้าน การที่รัฐบาลมาจากความชอบธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และตนเองสามารถบอกได้ทันทีว่า หากมีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราไม่สามารถโหวตให้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นการบรรยากาศที่ให้เกียรติกันในฐานะนักการเมือง ส่วนจะเชื่อใจพรรคภูมิใจไทยได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ในกรอบ 4 เดือนหากพบว่าไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตาม TOR หรือพยายามทำให้กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง ก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที
ส่วนข้อเสนอของนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ขอขยายกรอบยุบสภาจาก 4 เป็น 6 เดือนนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า 4 เดือนเป็นข้อเสนอขั้นต่ำ ไม่มีการลดไปมากกว่านี้ และเป็นกรอบระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว พร้อมมองว่าหากพรรคเพื่อไทยยุบสภาตอนนี้เชื่อว่าประชาชนมองเห็นว่าเป็นการชิงการได้เปรียบทางการเมือง เพราะหากจะทำเพื่อหาทางออกให้กับประเทศคงทำไปนานแล้ว แต่การออกมาให้ข่าวตอนนี้เป็นการต่อรองอำนาจกับพรรคร่วม ที่ทุกคนสามารถวิเคราะห์ได้เหมือนกัน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการพูดคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า จะมีผลต่อการตัดสินใจต่อพรรคประชาชนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบในรายละเอียด และย้ำว่าจะรับพิจารณาเฉพาะการเข้ามาพูดคุยกับตนเองและผู้บริหารพรรคอย่างเป็นทางการที่พรรคประชาชน
“เราไม่ได้ร่วมรัฐบาล เราไม่ได้จับมือกับใคร และพร้อมยื่นตรวจสอบ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.151 ในการล้มรัฐบาล และวันจันทร์บ่ายนี้ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนในพรรค ที่พึ่งสั่งการใน 1-2 ชั่วโมงที่ผ่านมา จะนำมาประกอบการตัดสินใจของผู้บริหาร ผมเชื่อว่าทุกๆ คนที่โหวตให้พรรคก้าวไกล ที่เราไม่ใช้การซื้อสิทธิขายเสียงเข้ามา หากอยากจะจัดการเรื่องซื้อสิทธิ์ขายเสียง นักการเมืองที่ทุจริต ถ้าไม่ใช่อำนาจรัฐจัดการอย่างตรงไปตรงมา แล้ววันนี้อำนาจรัฐที่พรรคประชาชนมีอยู่คือ 140 กว่าเสียง หากนิ่งเฉย ไม่ใช่อำนาจรัฐไปในสิ่งที่ถูกที่ควร ก็อาจจะไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนราษฎรหรือเปล่า ในเมื่อประชาชนเลือกพวกเรามา”
เมื่อถามว่ารับนายอนุทินได้ใช่หรือไม่ ที่มีข้อครหาถึง 2 เรื่อง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า วันนี้อยากขอให้ทุกคนตัดภาพว่าพรรคประชาชนจะเลือกใครไม่เลือกใคร และย้ำจะตัดสินใจในวันจันทร์บ่าย เมื่อถามว่าลำบากใจหรือไม่ หากจะเลือกพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคเพื่อไทยก็ถูกด่า นายณัฐพงษ์กล่าวว่าเป็นสภาพที่เราเป็นอยู่ แต่ยืนยันว่าพวกเราหนักแน่น และจะใช้เสียง 140 กว่าเสียงกำกับประเทศไปในทิศทางที่ดีที่สุด ส่วนเงื่อนไขที่กำหนดเป็นเงื่อนไขที่เป็นไปได้และสำคัญ คือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นชนวนปัญหาต่างๆ ของประเทศ
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้ที่จะโหวตนายกฯ วันใด นายณัฐพงษ์ ระบุว่า “มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นวันพุธนี้”
ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า ในช่วงของการแถลงข่าว นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ได้ยื่นโฉนดที่ดินเขากระโดง ประกอบการตัดสินใจของพรรคประชาชนด้วย
ภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์