“อรรถกร” พร้อม “ปกรณ์” สส.กล้าธรรม ลุย จ.แม่ฮ่องสอน ดูความเสียหายน้ำท่วมจากพายุคาจิกิ ประสานเร่งเยียวยาผู้ประสบภัย-พื้นที่เกษตร ย้ำ ยังทำหน้าที่ รมว.เกษตรฯ สถานการณ์การเมืองเป็นเรื่องอนาคต


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำหน่วยงานในสังกัด อาทิ กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร ลงพื้นที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน พรรคกล้าธรรม (กธ.) ตรวจสอบความเสียหายจากเหตุอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุคาจิกิ ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรเสียหายอย่างหนัก โดยมีการประชุมติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติ เหตุอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม รับฟังปัญหาอุปสรรค และหารือแนวทางแก้ไข ณ สถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอน ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ด้วย

นายอรรถกร ได้พูดคุยและให้กำลังใจกับประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่จำนวนมาก พร้อมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงได้กำชับทุกภาคส่วนของกระทรวงเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ขอให้เร่งบูรณะซ่อมแซมและทำความสะอาดบ้านเรือนของประชาชนให้กลับสู่สภาพเดิมอย่างเร็วที่สุด พร้อมประสานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอยาสามัญประจำบ้านให้ส่งด่วนมาตามที่ประชาชนในพื้นที่ร้องขอด้วย ส่วนความเสียหายของโรงเรียนบ้านน้ำเพียงดิน ต.ผาบ่อง จะประสานกับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม โดย นางนฤมล พร้อมที่จะช่วยกันทำงานแน่นอน แต่ในส่วนกระทรวงเกษตรฯ จะเร่งตรวจสอบพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย และหามาตรการเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนอย่างเร่งด่วน

...

“สถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร ก็ถือเป็นเรื่องของอนาคต แต่วันนี้ผมยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งชัดเจนมาตั้งแต่สมัย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่า เราทำงานทุกวัน และเมื่อ สส.ปกรณ์ ประสานมาว่าชาวบ้านในพื้นที่ประสบอุทกภัยได้รับความเดือดร้อน จึงไม่สามารถรอได้ ทั้งนี้ ผมเชื่อว่า ไม่ว่าจากนี้ผมจะอยู่หรือไม่ก็ตาม แต่ผู้ที่จะมาทำหน้าที่คนใหม่ก็จะดูแลพี่น้องประชาชนแบบนี้เช่นกัน”

ทางด้าน นายปกรณ์ กล่าวว่า อุทกภัยครั้งนี้ทำให้บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรจำนวนมากถูกน้ำท่วมเสียหาย หลายครอบครัวต้องอพยพออกจากบ้านมาอยู่ในที่พักพิงชั่วคราว ตนในฐานะ สส.แม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่มาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุเพื่อช่วยประสานงานและเร่งให้ความช่วยเหลือ

“ผมต้องขอขอบคุณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า เพื่อการกุศล ที่ลงมาดูแลชาวบ้านอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องเครื่องอุปโภคบริโภค การตั้งโรงครัว ขณะนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการเร่งฟื้นฟูบ้านเรือน โรงเรียน และพื้นที่เกษตร เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ผมขอย้ำว่าจะเร่งประสานงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วที่สุด” กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้พี่น้องชาวแม่ฮ่องสอนมั่นใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ตนจะติดตามและผลักดันจนกว่าความเดือดร้อนจะคลี่คลาย และมั่นใจว่า พวกเราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน