“ศุภชัย” ไล่ “เดชอิศม์” ไปจัดการบรรพบุรุษที่สงขลาก่อน หลังบอกไม่เข้าร่วม “ภูมิใจไทย” สมัยนี้ เพราะเขากระโดง-ฮั้ว สว. ชี้ ญาติตัวเองยังต้องโทษคดีบุกรุกโบราณสถาน 


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 ก.ย. 2568 ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่ร่วมงานภูมิใจไทยแค่สมัยนี้ ว่า ตนไม่อยากพูดถึงนายเดชอิศม์แล้ว แต่ดูเหมือนว่า นายเดชอิศม์ยังกล่าวถึงพรรคภูมิใจไทย จึงจำเป็นต้องชี้แจง โดยขอย้ำว่า คดีเขากระโดง นายเดชอิศม์เป็น รมช.มหาดไทย และมอบหมายให้ดูแลงานของกรมที่ดิน ซึ่งเทกแอ็กชันทันที และตั้งธงไว้ว่า จะเพิกถอนที่ดินบริเวณเขากระโดง ทั้งๆ ที่คณะกรรมการชุดเก่า ที่อธิบดีกรมที่ดินไปพิจารณาตามมาตรา 61 ใช้เวลาทำงานอยู่ 8 เดือน แต่คณะกรรมการที่เดชอิศม์ จำนวน 7 คน ซึ่ง 1 คน เป็นคนใกล้ชิดกับนายเดชอิศม์ และอีก 1 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กฎหมายของการรถไฟ ที่เป็นคู่กรณี มาสอบกรมที่ดิน ซึ่งถ้าดูจากวิธีการตั้งก็ผิดแล้ว

แก้ต่างเพิกถอนโฉนดเขากระโดง

ขณะเดียวกัน ขั้นตอนการสอบก็ใช้ระยะเวลาเพียง 7 วัน และมานั่งแถลงด้วยกันทั้ง มท.1 และ มท.3 และยืนยันจะเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง แต่กลับไม่มีใครได้เห็นสำนวนการสอบสวนเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ฉะนั้นวันนี้กว่าจะไปถึงจุดนั้น ต้องให้ความกระจ่างก่อนว่าการสอบสวนเป็นอย่างไร

นายศุภชัย ยืนยันว่า ที่ดินเขากระโดงยังอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย และที่ดินเขากระโดงทั้งหมดนอกจาก 35 ราย ยังไม่มีใครได้รับการถูกเพิกถอน ส่วนผู้ครอบครองโฉนดอีก 900 กว่าราย ก็ยังไม่มีใครกระทำความผิด พร้อมท้าว่า “ถ้าหากพบมีความผิดก็ให้ดำเนินคดีเลย”

...

ท้า“เดชอิศม์”ดีเบต

ส่วนกรณีฮั้ว สว. นายศุภชัย กล่าวว่า อยากให้นายเดชอิศม์ มานั่งดีเบตกับตน ว่าที่เขาบอกกันว่าที่ ฮั้ว สว. ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง หรือนายเดชอิศม์ ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด บุเข้าไปในสมองว่าฮั้ว สว.อย่างเดียว ซึ่งวันนี้ตนขอถามว่ารู้อะไรเกี่ยวกับคดีฮั้ว สว. ทั้งๆ ที่วันนี้ คณะไต่สวนสอบสวนชุดที่ 26 ของ กกต. เพิ่งสอบอยู่ในขั้นตอนที่ 2 จาก 10 ขั้นตอน หรือนายเดชอิศม์ เอาสำนวนมาดูแล้วหรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำสำนวนมาให้ดู โดยนายศุภชัย ยังขอให้นายเดชอิศม์ หยุดการกระทำ และขอให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินไป

ย้อนควรห่วงคดีญาติมากกว่า

ส่วนที่กังวลว่าจะมีการแทรกแซง ที่ดูแล้วเหมือนคนมีคุณธรรม และอุดมการณ์ แต่ขอย้ำว่าตอนนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องประเทศชาติ เพราะวันนี้มีชาวสงขลา บอกตนว่า เฉพาะคดีบุกรุกโบราณสถานของพี่สาว พี่เขย และหลานของนายเดชอิศม์ ศาลก็พิพากษาไปหลายปีแล้วขอให้เป็นห่วงคดีนี้ก่อน ว่าคนสงขลารู้สึกอย่างไร ที่ญาติพี่น้องของนักการเมืองซึ่งเป็นถึงรัฐมนตรี “ไม่ต้องห่วงไปถึงบุรีรัมย์ เอาสงขลาก่อน” ซึ่งคดีดังกล่าวตนรู้เบื้องหลังด้วยว่า กว่าจะมีการดำเนินคดี กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงโดยผู้มีอิทธิพล

เย้ยสงขลายังมีบ่อน

นายศุภชัย ยังกล่าวด้วยว่า  ตนยังรู้สึกเสียดายที่นายเดชอิศม์เป็นถึง มท.3 เพราะคนสงขลาฝากความหวังไว้ว่าเป็น มท.3 มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข และคงไม่มีบ่อนแล้ว แต่กลับยังมีบ่อนเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ทุกคนรู้หมดว่าอยู่ตรงไหน วันนี้ไม่ต้องมองไกล ก้มมองปลายเท้าตัวเองไปก็พอ ขออย่าแสดงความเป็นผู้มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ และก็รู้จักเป็นการส่วนตัวเป็นอย่างดีจึงรู้ว่าเป็นคนแบบใด

ฟาดตั้งที่ปรึกษารมต. 77 คน

นายศุภชัย ยังตั้งคำถามถึงนายเดชอิศม์ ว่า ทราบหรือไม่ว่ามีความสามารถในการเป็นรัฐมนตรี เพราะเท่าที่ตนดู ไม่มีความมั่นใจในความสามารถของตนเองหรือไม่ เพราะตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีถึง 77 คน แต่ทราบหรือไม่ในหลายคนนั้นมีหมายจับอยู่ และบางคนถูกคดีฮั้วประมูล ซึ่งคนที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และประมวลจริยธรรมที่มีอยู่ข้อ 1 ระบุว่า ไม่คบหาหรือให้การสนับสนุนแก่ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติ หรือมีชื่อเสียงอันเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนความเชื่อถือและศรัทธาของประชาชน ซึ่งใน 77 คนนั้นเข้าเงื่อนไขนี้หรือไม่

ย้อนให้ไปจัดการบรรพบุรุษ

นายศุภชัย ยังกล่าวอีกว่า ถ้าตนเป็นนายเดชอิศม์ จะหยุดพูดตั้งแต่เมื่อวาน ประชาธิปัตย์หลังจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ท้วงติง แต่วันนี้กลับมาพูดอีกว่า อายบรรพบุรุษ ก็ขอให้นายเดชอิศม์ไปจัดการบรรพบุรุษที่สงขลาก่อน แม้ตนรู้จักกันมานานแต่หากมาแตะพรรคภูมิใจไทยก็ยอมไม่ได้ จึงขอให้สังคมตัดสินเอง หากไม่เข้าร่วมสมัยนี้ แต่จะไปเข้าร่วมสมัยหน้า ก็ให้ประชาชนตัดสินว่าเป็นอย่างไร