“สมศักดิ์” ประชุมติดตามนโยบาย สธ. เดินหน้าคลินิกพรีเมียม สร้างเศรษฐกิจสุขภาพ จ่อฟ้องคนปูดประเด็นงบฯ รับรองลงพื้นที่ 1 ล้าน อุบอนาคตการเมือง บอกไม่รู้เลือกนายกฯ-ยุบสภา อะไรจะเกิดก่อน
วันที่ 3 กันยายน 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 9/2568 เผยว่า ที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข รับทราบรายงานผลกระทบอิทธิพลของพายุคาจิกิ และพายุหนองฟ้า โดยผู้ได้รับผลกระทบ มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 42 ราย และสูญหาย 3 ราย สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากดินสไลด์ ส่วนพื้นที่ได้รับผลกระทบขณะนี้มีสถานการณ์ 8 จังหวัด ใน 4 เขตสุขภาพ มีสถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 4 แห่ง โดยเปิดบริการปกติได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าเรื่องการขับเคลื่อนนโยบายเพิ่มรายรับ สร้างรายได้ ยกระดับบริการรองรับประกันสุขภาพเอกชน โดยประกันสุขภาพเอกชน มีเงินหมุนเวียนสูงกว่า 150,000 ล้านบาท กระทรวงสาธารณสุขจึงมีไอเดียพัฒนาระบบบริการ เพื่อรองรับรายได้ใหม่จากประกัน สอดรับกับแนวคิด Premium Clinic ซึ่งแน่นอน ต้องระมัดระวังเรื่องกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และการบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องร้องเรียนในส่วนของช่องทางเร่งด่วน โดยขณะนี้ได้วางเครือข่ายโรงพยาบาลนำร่อง จำนวน 35 แห่ง ในทุกเขตสุขภาพ ส่วนกฎระเบียบอยู่ระหว่างการหารือกับกรมบัญชีกลาง เพื่อให้สามารถรับ-จ่ายเงินที่เกิดจากบริการในเวลาราชการได้
ภายหลังการประชุม นายสมศักดิ์ แถลงว่า ที่ประชุมมีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs สรุปสถานการณ์ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม จากพายุคาจิกิ และพายุหนองฟ้า รายงานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์หน่วยงานในภูมิภาค การขับเคลื่อนนโยบายเพิ่มรายรับ สร้างรายได้ยกระดับบริการรองรับประกันสุขภาพเอกชน โดยรายงานแนวทางของโรงพยาบาลนำร่อง 35 แห่งทั่วประเทศ ในลักษณะพรีเมียมคลินิก นำเสนอรายได้ที่จะมาจากบริษัทประกันภัย ผู้ใช้บริการมีความพร้อมสูง กำลังดูเรื่องระเบียบ อาจต้องเขียนกฎหมายเพิ่ม ให้ผู้เกี่ยวข้องเขียนไทม์ไลน์ว่าจะทำได้เมื่อไหร่
...
ขณะเดียวกัน มีการรายงานการแก้ไขปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ด้านสาธารณสุข หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาตัดงบประมาณให้ค่ายผู้ลี้ภัย ทำให้ไทยต้องรับภาระเพราะติดชายแดน จึงมีการเตรียมการและของบกลาง ประมาณ 160 ล้านบาท และปีต่อไปก็หวังว่าสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเข้ามาจัดระบบแรงงานต่างด้าว เช่น การขึ้นทะเบียน หรือสแกนม่านตาเพื่อยืนยันตัวตน โดยพรุ่งนี้ (4 กันยายน 2568) จะมีการลงนาม MOU กับสภากาชาด
พร้อมเผยความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ เรามีบทบาท 6 ด้าน ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ของโลกและประเทศ เราจึงต้องดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ อีกเรื่องเป็นการเตรียมรางวัลให้ใช้สมุนไพร ซึ่งปีนี้เป้าหมายยังไม่ครบ ต้องเร่งรัด พร้อมกับมีการรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน อสม. ชวนคนไทยนับคาร์บและโครงการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ขณะนี้นับคาร์บได้กว่า 42 ล้านคน มีระบบการเก็บข้อมูลมีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเชิงลึก 6.5 ล้านคน ลดน้ำหนักได้ 9.6 ล้านกิโลกรัม ทำให้รู้ว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจของการลดน้ำหนักประชาชนมีมูลค่า 9,600 ล้านบาท ถ้าเทียบบัญญัติไตรยางศ์ 42 ล้านคน จะได้ประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (พ.ร.บ.อสม.) นายสมศักดิ์ คาดว่าวันที่ 5 กันยายน 2568 จะได้นำเสนอต่อสภาฯ แต่การเลือกใหม่อาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการตีความ ถ้าขยับอาจจะเป็นสัปดาห์หน้า เรื่อง อสม. ดีใจที่มีร่างกฎหมายที่พรรคการเมืองใหญ่ ๆ นำเสนอ เมื่อวานนี้ (2 กันยายน 2568 ) มีการเสนอโดยตนรับรองไป เชื่อว่าทั้งสภาฯ เห็นด้วยหมด ขอให้ได้เสนอ
เมื่อถามถึงกรณี นพ.วีระพันธ์ สุวรรณามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระบุว่ามีการใช้งบจากเงินบำรุงโรงพยาบาล ประมาณ 1 ล้านบาทต่อครั้ง เพื่อใช้ต้อนรับอีเวนต์ของ รมว. และ รมช.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้ไปจัดดนตรีลีลาศนะ ผมก็ไปงานราชการ เวลาไปก็ไปบรรยายเรื่องนับคาร์บ ลดเงินไม่รู้กี่พันล้านบาท ลงทุนเล็กน้อย สิ่งที่ทำเป็นเรื่องมีเหตุมีผล คนใจคับแคบก็มองไม่ออก ไม่อยากพูดอะไรหรอก เดี๋ยวให้ไปคุยกับศาลดีกว่ามั้ง” ส่วนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่นั้น มอบให้ทางนายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปดูเรื่องนี้
ส่วนเรื่องการขับเคลื่อนนโยบาย สธ. จากนี้ นายสมศักดิ์ ระบุว่าไม่ได้ห่วงอะไร อย่างนโยบายเรื่องนับคาร์บ ลดโรค NCDs ผู้ที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการเข้าใจหมดแล้ว ถ้านโยบายรัฐบาล หรือรัฐมนตรีถ้าเข้าใจในทิศทางเดียวกันก็ขับเคลื่อนได้ วันนี้ไม่ได้เริ่มสตาร์ต แต่เริ่มวิ่งแล้ว กำลังลอยตัว ในคำถามว่าสถานการณ์ตอนนี้ต้องรอเลือกนายกรัฐมนตรี ยุบสภา หรือเลือกตั้งใหม่ นายสมศักดิ์ ตอบว่า “ทั้ง 3 อย่างนั้นแหละ ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดก่อน”
เมื่อถามต่อไปอยากกลับมากระทรวงสาธารณสุขอีกหรือไม่เพื่อสานงานต่อ NCDs นายสมศักดิ์ บอกว่า “ไม่ตอบดีกว่า เพราะมีคำวิพากษ์วิจารณ์ตามมาแน่นอน ถ้าตอบว่าอยากหรือไม่อยาก ขอไม่ตอบดีกว่า แต่อยากมาวันพุธ กับวันจันทร์ช่วงเย็น ๆ มาเตะบอล ส่วนเรื่องการยุบสภา ไม่มีการพูดกันในพรรค เป็นอำนาจนายกฯ รักษาการ การยุบสภาไม่ใช่ว่าอยากจะยุบก็ยุบได้ ต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูล และเป็นอำนาจทางกฎหมายของรัฐธรรมนูญ”