“เท้ง ณัฐพงษ์” ถามความชัดเจน “ภูมิธรรม” ยุติกระบวนการยุบสภาแล้วหรือยัง มองควรดำเนินตามกระบวนการโหวตนายกฯ คนที่ 32 พร้อม เรียกร้องถอนดำเนินคดี ม.112-157 ไม่เห็นด้วยนิติสงคราม
เมื่อเวลา 09.49 น. วันที่ 4 กันยายน 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวานที่ผ่านมา (3 กันยายน 2568) ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 5 กันยายน 2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับพรรคเพื่อไทยมีมติในการเสนอ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่กลับมีกระแสข่าวว่าทางรัฐบาลเตรียมที่จะเสนอความเห็นเพิ่มเติมต่อสำนักองคมนตรี เพื่อยืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีหรือรักษาการนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการทูลเกล้าฯ ยุบสภา
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ตนและพรรคประชาชนมีความเห็นดังต่อไปนี้ ประการแรก พวกเรายืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ หรือรักษาการนายกฯ มีอำนาจในการยุบสภา แต่อย่างไรก็ตามพวกเราไม่ได้มีอำนาจที่ในการตีความเรื่องนี้ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ได้อย่างไร อำนาจในการตีความอยู่กับหน่วยงานที่ควรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวนายภูมิธรรมเอง ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ สภาพที่เกิดความไม่ชัดเจนจากการที่ประธานสภาฯ บรรจุระเบียบวาระเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ กับการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ สิ่งที่วันนี้เรามีความชัดเจนแล้วคือระเบียบวาระกำลังเดินหน้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 กันยายน แต่ที่ยังไม่ชัดเจนในตอนนี้คือทางพรรคเพื่อไทยหรือนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ยังเดินหน้ากระบวนการยุบสภาหรือไม่อย่างไร
...
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลหรือข้อขัดแย้งทางกฎหมาย สิ่งหนึ่งที่ตนอยากขอเรียกร้องจากนายภูมิธรรมและรัฐบาลเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้เราเดินหน้าถูกต้องที่สุด อยากได้ความชัดเจนว่าตกลงแล้วรัฐบาลในขณะนี้ยังคงเดินหน้ากระบวนการในการยุบสภาอยู่หรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ถ้ากระบวนการยังไม่เกิดความชัดเจนแบบนี้ ตนเห็นควรว่าเราควรจะต้องดำเนินการตามระเบียบวาระที่ประธานสภาฯ ได้มีการบรรจุโดยใช้อำนาจจากสภาผู้แทนราษฎรที่บรรจุวาระไปแล้วเรียบร้อย
ประการที่ 2 เมื่อวานนี้มีการดำเนินคดีมาตรา 112 และมาตรา 157 กับนายภูมิธรรม ตนและพรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการใช้เครื่องมือทางกฎหมายดำเนินคดีดังกล่าว อยากจะเรียกร้องให้ผู้ร้องถอนคำกล่าวโทษเพื่อสร้างบรรยากาศที่พวกเราสามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ พวกเราไม่เห็นด้วยกับการใช้กฎหมายในการกลั่นแกล้งหรือดำเนินกระบวนการนิติสงครามไม่ว่ากับฝ่ายใด เป็นสิ่งที่ตนแถลงครั้งนี้ในนามผู้นำฝ่ายค้านและตัวแทนของพรรค
จากนั้นนายณัฐพงษ์ ตอบคำถามสื่อมวลชนหลังแถลงว่า การดำเนินการของฝั่งพรรคเพื่อไทยอาจจะมีความย้อนแย้งในตัวเอง ทั้งๆ ที่ในพรรคมีการเตรียมที่จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่กลับมีกระแสข่าวว่ายังดำเนินการในเรื่องการยุบสภาอยู่ เป็นสิ่งที่ตนต้องออกมาเรียกร้องขอความชัดเจนจากนายภูมิธรรมว่าได้ยุติกระบวนการยุบสภาแล้วหรือไม่อย่างไร และพร้อมที่จะเดินหน้าสู่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้วใช่หรือไม่
พร้อมกันนี้ นายณัฐพงษ์ ยืนยันหนักแน่นว่ามติของพรรคประชาชนในการโหวตนายกรัฐมนตรี ผ่านการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน เราไตร่ตรองและทบทวนมาอย่างดีแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้อยู่ในสภาพของสิ่งที่เราบอกว่า นายกฯ รักษาการ มีอำนาจในการยุบสภา แต่ทางรัฐบาลกลับมีความย้อนแย้งและยังเกิดความไม่ชัดเจน จึงอยากทำให้เกิดความชัดเจนก่อน แต่หากรัฐบาลยังคงคาราคาซังและยังไม่ทำให้เกิดความชัดเจน พวกเราเห็นควรว่าควรดำเนินการตามที่ประธานสภาฯ ใช้ดุลพินิจที่ได้บรรจุวาระเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ต่อไป ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค การแสดงจุดยืนนี้ในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และขอเรียกร้องให้ผู้ที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษนายภูมิธรรม ถอนคำร้องทุกข์ออก
“สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการยืนยันในหลักการเราพูดมาโดยตลอดว่าเราไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนิติสงคราม สิ่งที่ประชาชนไม่อยากเห็นตอนนี้คือการที่ใครกำลังจะขึ้นมามีอำนาจแล้วใช้กระบวนการทุกอย่างเล่นงานคู่ขัดแย้งฝ่ายตรงข้าม สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ผมในฐานะหัวหน้าพรรคได้ออกมายืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการดำเนินคดีนายภูมิธรรมเมื่อวานที่ผ่านมา”
สำหรับการดำเนินการต่อจากนี้ เราจะใช้เสียงในสภาฯ ที่เรามีในการกำกับทิศทางของประเทศให้ดำเนินไปทางที่เราเห็นว่าถูกและควรโดยใช้รัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยที่เราเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในการกำกับทิศทาง มีคำถามว่าเป็นนั่งร้านหรือไม่เป็นนั่งร้าน นายณัฐพงษ์ ตอบว่า อยู่ที่การแสดงออกการใช้เสียงในสภาฯ ที่พวกเรามีการแถลงชัดเจนในครั้งนี้เรื่องการดำเนินคดีนายภูมิธรรม เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการแสดงออกของพวกเราว่าเราใช้เสียงของพวกเราที่มีในการกำกับทิศทางรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างไร ส่วนภายนอกสภาฯ เราคงห้ามคนที่ไปยื่นคดีฟ้องร้องไม่ได้ และตนคงไม่ได้มีอำนาจที่จะกำกับการทำงานของ สส.แต่ละคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอยู่พรรคอื่นๆ แต่หากมีการดำเนินการอะไรไปแล้วตนเชื่อมั่นว่า 140 กว่าเสียงที่เรามี ที่เราเป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ณ ขณะนี้จะสามารถกำกับทิศทางการกำกับการดำเนินการของพรรคต่างๆ ได้
“ขอย้ำอีกครั้งว่าการเซ็น MOA ในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล เราไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะไปสั่งห้ามไม่ให้เขาทำอะไรเป็นการล่วงหน้า และการจัดตั้งรัฐบาลการดำเนินการต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่เขาจะทำ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นว่ารัฐบาลทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขัดหลักการ เราก็พร้อมใช้เสียงที่เรามีในการกำกับทิศทางให้รัฐบาลเดินทางไปในทางที่ถูกต้อง เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยและทุกๆ ฝ่ายที่ร่วมเสียงอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ได้เสียงสัญญาณที่ส่งไปแล้ว”
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับตามข้อเท็จจริงจากการประเมินกระแสต่างๆ ที่เราได้ยินมาอาจจะยังมีผู้สนับสนุนของพรรคบางส่วนที่ยังรู้สึกไม่สบายใจ พวกเราเข้าใจดีและเชื่อว่าผู้บริหารได้รับฟังเสียงอย่างรอบด้านแล้ว ก่อนที่จะออกมาเป็นมติผู้บริหารพรรคพวกเราฟังเสียงทุกองค์ค่ะประโยชน์ของพรรคอย่างรอบด้านแล้ว ยืนยันอีกครั้งว่าการตัดสินใจครั้งนี้เห็นไปในทิศทางเดียวกันกับสิ่งที่เรามีมติออกมา ดังนั้นการดำเนินการต่อจากนี้ที่จะทำให้คะแนนความนิยมของพรรคเพิ่มมากขึ้นหรือผู้สนับสนุนพรรคเข้าใจสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องดำเนินการเป็นไปเพื่ออะไรก็เป็นสิ่งที่หน้าที่ของพวกเราที่ต้องดำเนินการต่อ เชื่อว่าใน 4 เดือนต่อ.