“ณัฐพงษ์” เรียกร้องพรรคภูมิใจไทยเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาฯ เพื่อเปิดประชุมรัฐสภาพิจารณาวาระแรกภายในเดือนกันยายน ให้ทันทำประชามติพร้อมเลือกตั้งใหญ่ ไม่ต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบาย


เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 10 ก.ย. 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการจัดทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าพรรคประชาชนยืนยันว่าเป้าหมายสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศควบคู่ไปกับการฟื้นฟูความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ นั่นคือการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมี ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนในข้อตกลง MOT ที่พรรคประชาชนได้ทำร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนแล้วว่ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีการทำประชามติทั้งหมด 2 รอบ คือการทำประชามติรอบที่ 1 เพื่อสอบถามประชาชน พร้อมกันในสองประเด็น ประเด็นแรกเห็นด้วยหรือไม่ว่าสมควรที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประเด็นที่ 2 คือเห็นด้วยหรือไม่กับวิธีการและเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 ที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบ

จี้มุ่งหน้าทำประชามติรอบที่1

ขณะที่การทำประชามติรอบที่ 2 เพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ได้ผ่านกระบวนการมาทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้พรรคประชาชนเห็นว่าเราควรจะมุ่งหน้าทำประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นจากการยุบสภาในกรอบเวลา 4 เดือนนับแต่การแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะทำได้หลังจากที่รัฐสภาได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 เพื่อเพิ่มกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

...

แนะทุกพรรคเสนอร่างแก้ไขรธน.

นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า พรรคประชาชนจึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่และสภาผู้แทนราษฎรให้เร่งดำเนินการ คือ สส.จากแต่ละพรรคการเมืองควรยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว ซึ่งมีกรอบระยะเวลาไม่เกินสัปดาห์หน้า เพื่อให้สามารถจัดทำประชามติรอบที่หนึ่งได้ทันกับการเลือกตั้งทั่วไปที่เกิดขึ้นหลังจากการยุบสภาภายใน 4 เดือนที่ได้ตกลงกันไว้

“ภูมิใจไทย”ควรเสนอร่างพ.ร.บ.เข้าสภา

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า สส.ของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยได้ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมต่อประธานรัฐสภาและถูกบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นพรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลควรพิจารณารวบรวมเสียงของรัฐบาลเพื่อยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 เข้าสู่การพิจารณาของสภาโดยเร็ว ซึ่งควรมีเนื้อหาเพื่อเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญตามข้อตกลงในMOA แม้วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือก ส.ส.ร.ได้โดยตรง แต่เห็นว่าคำวินิจฉัยดังกล่าว ยังไม่ได้ปิดประตู เนื่องจากรัฐสภายังสามารถออกแบบกลไกให้ ส.ส.ร.ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ สสร.จัดทำมาที่รัฐสภา ก่อนส่งทำประชามติ ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดในคำวินิจฉัยฉบับเต็มถึงจะตอบเรื่องนี้ได้

ดันรัฐสภาถกวาระแรกเดือนก.ย.นี้

พร้อมขอเรียกร้องให้ สส.แต่ละพรรคการเมืองควรต้องร่วมกันผลักดันให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 ในวาระที่ 1 ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยไม่จำเป็นต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแต่อย่างใด เพราะกระบวนการดังกล่าวเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารโดยตรง การดำเนินการดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะทำให้เป้าหมายในการทำประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่เกิดขึ้นจากการยุบสภาในกรอบระยะเวลา 4 เดือนสามารถเป็นจริงได้ พรรคประชาชนยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในฐานะฝ่ายค้านเพื่อดำเนินการตรวจสอบและเสนอแนะผลักดันให้รัฐบาลใหม่เดินหน้าสู่การปลดล็อกแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภาตามเวลา 4 เดือนที่ได้มีการสัญญาไว้

บิดพลิ้ว  143 เสียงพร้อมล้มรัฐบาล

เมื่อถามว่า หากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ไม่เห็นด้วยกับการตีความของพรรคปชน. ทั้งเรื่อง ส.ส.ร.และการจัดทำประชามติ จะทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอพูดคุยแลกเปลี่ยนกันก่อน โดยสำนึกของวิญญูชน เราสามารถเห็นได้ว่า พรรคภท. มีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน ในการเดินหน้าตามเจตนารมณ์ของข้อตกลง เพราะหากมีการบิดพลิ้ว เราก็พร้อมใช้ 143 เสียงล้มรัฐบาลทันที และกำกับทิศทางรัฐบาลให้เป็นไปตามข้อตกลงมากที่สุด

หน้าที่สมาชิกรัฐสภาผลักดันแก้รธน.

ส่วนกรณีที่นายปิยะบุตร แสงกนกกุล อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ แสดงความคิดเห็นว่าแค่เริ่มศาลรัฐธรรมนูญก็วางเงื่อนไขไว้มากขนาดนี้ เหมือนเป็นการประกาศว่าศาลรัฐธรรมนูญคือผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเสียเองนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่ของ สส.ภาคประชาชนและสมาชิกรัฐสภาทุกคนที่ต้องผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนในฐานะผู้มีอำนาจ