“สันติ” กั๊ก ชื่อหลุดโผ “ครม.อนุทิน 1” บอกยังแค่ข่าวลือ ขอรอลุ้นผลตรวจสอบคุณสมบัติก่อน รับจากปมการศึกษา 30-40 ปี สอบจริยธรรมเข้ม ไม่ปฏิเสธส่งชื่อ “พัฒนา พร้อมพัฒน์” ลูกชายประกบเสียบแทน
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 10 กันยายน 2568 นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีมีกระแสว่ามีชื่อหลุดออกจากโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ว่า ตอนนี้ยังเป็นข่าวลืออยู่ เพราะตนเพิ่งส่งประวัติไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 กันยายน 2568 แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีปัญหา ซึ่งตนยังไม่ได้รับแจ้งอะไร
ผู้สื่อข่าวถามต่อ คิดว่าชื่อไม่ขัดคุณสมบัติอะไรใช่หรือไม่ นายสันติ ระบุว่า “อาจจะมีปัญหาในเรื่อง 30-40 ปี ที่แล้ว ที่มีเหตุการณ์อะไรบ้าง แต่ก็เป็นตอนเด็กๆ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความผิดไม่มี แต่เดี๋ยวนี้มันมีเรื่องของจริยธรรม ที่มันกว้างใหญ่กว่าทะเล ฉะนั้น ก็ต้องไปดูว่าเขาตรวจสอบแล้วเป็นอย่างไร ซึ่งตัวผมก็เคยเป็นรัฐมนตรีมาไม่รู้กี่กระทรวงแล้ว เป็นสิบปี แต่เดี๋ยวนี้จากกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ก็มีเรื่องจริยธรรม ต้องไปไกลมาก ต้องไปดูว่าผู้ที่ตรวจสอบเขาจะพิจารณาอย่างไร และข่าวที่ออกมาตอนนี้ก็เป็นข่าวลือ”
ทางด้านคำถามว่าเรื่อง 30 ปีที่แล้วจะสุ่มเสี่ยงจนทำให้ขาดคุณสมบัติหรือไม่ นายสันติ ตอบว่า “ก็ไม่รู้ไง ครั้งที่แล้วผมก็เป็น รมช.สาธารณสุข ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ช่วงก่อนหน้านั้น ก็ รมช.คลัง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็เป็นมาแล้ว”
...
เมื่อถามย้ำว่ามีปัญหาเรื่องของการศึกษาใช่หรือไม่ นายสันติ เผยว่า เป็นเรื่องของการศึกษาสมัยก่อน แต่ที่จริงเราก็ไม่ได้ผิดอะไร เดี๋ยวให้เขาส่งกลับมาก่อน ค่อยเล่าให้ฟัง มันไม่ยากหรอก เพราะเราไม่เคยทำอะไรผิดอยู่แล้ว ส่วนคำถามว่าหากคุณสมบัติไม่ผ่าน มีแผนรองรับอย่างไรบ้าง นายสันติ ระบุว่า ถ้าไม่ผ่านก็ไปช่วยเขา ไม่มีอะไร
ขณะที่ประเด็นคำถามจะส่ง นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ บุตรชาย มานั่งรัฐมนตรีแทนหรือไม่ นายสันติ บอกว่า ลูกชายตนก็อายุ 40 กว่าแล้ว จบจากต่างประเทศ จบมาเยอะแยะ ทำงานมามากมาย เขาเก่งกว่าตนอีก ประสบการณ์การเมืองเขาก็ทำได้ ไม่มีอะไร
เมื่อถามย้ำว่าหากคุณสมบัติไม่ผ่านจะผลักดันลูกชายมาทำหน้าที่ใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ยังไม่รู้ อย่าเพิ่งไปคิดเลย ให้การตรวจสอบคุณสมบัติออกมาก่อน ผู้สื่อข่าวถามต่อแสดงว่าได้ส่งประวัติของนายพัฒนา ให้ตรวจสอบด้วยใช่หรือไม่ นายสันติ ระบุว่า เขาก็อยากจะมาฝึกอยู่แล้ว อาจจะมาเป็นที่ปรึกษาหรืออะไรก็แล้วแต่ ฉะนั้นเขาก็ต้องเช็กประวัติตัวเองก่อน.