ผบ.ตร. ยกคณะแจง กมธ.ตำรวจ ปมโผนายพล ตร. ยันยึด พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 65 เคร่งครัด ใช้เกณฑ์ 5 ข้อ เผย “บิ๊กเต่า” ไม่ติดใจ ไหว้ ตบไหล่ จับมือ “บิ๊กต่าย” จบลงด้วยดี ด้าน “บิ๊กต่าย” รับคำยึด พ.ร.บ.ตำรวจ ลดภาระ กมธ.ตร.


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ก.ย. 2568 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎรที่มี น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาฯ เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาวาระข้อร้องเรียนหลักเกณฑ์การแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและโยกย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โผนายพลตำรวจ) ตามที่พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ร้องเรียน โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. ในฐานะตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะตัวแทนสำนักงานจเรตำรวจ รวมถึงพล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และพล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมชี้แจง เป็นต้น

ทั้งนี้ ที่ประชุมไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าอยู่ร่วมสังเกตการณ์ในห้องประชุม


ภายหลังการประชุมชี้แจงนานร่วม 2 ชั่วโมง น.ส.สุณัฐชา ประธาน กมธ. ตำรวจ เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ท่าน ผบ.ตร. ได้ชี้แจงถึงหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อทำโผโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับนายพลตำรวจว่า ท่านได้ยึดหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.ตำรวจปี 2565 โดยยึดหลัก 5 ข้อ ทั้งความอาวุโส 50% และอีก 50% เป็นหลักเกณฑ์ของความรู้ความสามารถที่เป็นที่ประจักษ์ อาทิ ประวัติการรับราชการ, ผลงานหรือการปฏิบัติงาน, ความประพฤติส่วนตัวและหน้าที่ และการประเมินความพึงพอใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งในกรณีของพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ท่านมีความอาวุโสอยู่ในลำดับที่ 94 ของ สตช. โดย ผบ.ตร. และ รอง ผบช.ก. ได้ใช้เวทีกรรมาธิการตำรวจ ในการชี้แจงและรับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อทำความเข้าใจถึงหลักการทำโผโยกย้ายตำรวจ ซึ่ง ผบ.ตร. ชี้แจงว่า ก่อนที่จะมีการเคาะโผให้กับนายกรัฐมนตรีนำเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ท่านได้มีการตั้งคณะกรรมการในการช่วยทำการกลั่นกรองบุคคลที่จะถูกเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น มาช่วยงานหลายชุดเพื่อช่วยพิจารณาเพิ่มความละเอียดรอบคอบ โดยจะมีบอร์ดเล็ก หรือบอร์ดกลั่นกรอง พิจารณาก่อน จากนั้นจึงนำขึ้นสู่บอร์ดใหญ่ หรือ คณะกรรมการ กตร. ให้พิจารณาอีกครั้ง รวมถึงการใช้หลักเกณฑ์ในการพิจารณาตามกฎ กตร. ปี 2567 มาบังคับใช้ร่วมกัน

...


“ในที่ประชุมส่วนใหญ่ ผบ.ตร. ได้เวลาในการชี้แจงถึงเกณฑ์การพิจารณาในภาพรวม และการตอบคำถาม ข้อสงสัย ในการทำโผตำรวจของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ราวชั่วโมงกว่า ขณะที่ รอง ผบช.ก. ได้รับฟังแล้ว ก็บอกว่า ไม่ติดใจในเรื่องนี้ เพราะมีการปรับโผให้กับหลายท่านที่เหมาะสมแล้ว ซึ่งมีความเห็นพ้องกันว่าต่อจากนี้ หากมีปัญหา หรือข้อสงสัยใดในการแต่งตั้งโยกย้ายให้คุยกันในองค์กรก่อน โดยบรรยากาศในที่ประชุมไม่ดุเดือด ไม่มีการปะทะคารมใดๆ แต่เป็นการระบายความในใจของแต่ละฝ่ายมากกว่า พร้อมทั้งได้ขอบคุณกรรมาธิการตำรวจ ที่เปิดพื้นที่ให้ได้มีการปรับความเข้าใจกัน เพราะหากไม่มีเวทีกลางนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยหลังการประชุม ทั้งสองท่านได้ถ่ายภาพร่วมกัน รอง ผบช.ก. ได้ไหว้ ผบ.ตร. มีการตบไหล่ จับมือกัน ถือว่าลงด้วยดี และมีการโปรดเกล้าฯ กันไปแล้ว” น.ส.สุณัฐชา กล่าว


เมื่อถามต่อว่า หลังจากนี้จะมีหลักประกันใด เกี่ยวกับการทำโผแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในระดับชั้นสัญญาบัตรไม่ให้มีการร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมในการทำโผระดับล่างๆ เข้ามาอีก ประธาน กมธ.ตำรวจฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต แต่อย่างน้อย การที่กรรมาธิการตำรวจ สภาฯ รับพิจารณาในกรณีนี้ก็เพื่อให้ปรากฏเป็นมาตรฐานหลักเกณฑ์ว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายโผตำรวจระดับนายพล หรือระดับชั้นสัญญาบัตรทั่วประเทศ ต้องยึดหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 65 และยึดหลักความอาวุโส และผลงานเป็นที่ประจักษ์เพื่อป้องกันไม่ให้มีเรื่องร้องเรียนต่างๆเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่ง ผบ.ตร. ก็ยืนยัน ว่าในการพิจารณาหลักเกณฑ์โผตำรวจระดับชั้นสัญญาบัตร ก็จะยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 อย่างเคร่งครัด