“เราเป็นคนไม่พูดเยอะ เราทำอย่างเดียว ทำให้เห็น”... พระดำรัสดังกล่าวของ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” ระหว่างเสด็จเยือนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อพระราชทานผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” ประเภทผ้าบาติกให้แก่ช่างทอผ้าและช่างหัตถกรรมไทย คงพอจะสะท้อนได้ดีถึงพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะสืบสาน, รักษา และต่อยอดพระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ในสมเด็จย่า “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” เพื่อทรงฟื้นคืนชีวิตผ้าไทยและศิลปหัตกรรมไทย ให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศ, ทุกวัย และทุกโอกาส กลายเป็นต้นทุนทางภูมิปัญญาในการประกอบอาชีพ นำมาซึ่งการสร้างงาน, สร้างรายได้ และสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน
“สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” สนพระทัยงานด้านศิลปาชีพฯมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระองค์โดยเสด็จ “สมเด็จย่า” ไปทรงเยี่ยมและพระราชทานกำลังใจแก่สมาชิกมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะชุมชนทอผ้าที่ถักทอด้วยฝีมือของชาวนาชาวไร่ ก่อเกิดเป็นพระปณิธานอันยิ่งใหญ่ในการส่งเสริมอาชีพให้แก่กลุ่มทอผ้าในทุกภูมิภาคของประเทศ
ด้วยความตั้งพระทัยมั่นที่จะสืบสาน, รักษา และต่อยอดพระราชภารกิจดังกล่าวของสมเด็จย่า “สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ได้พระราชทานแนวพระดำริในการพัฒนาต่อยอดมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยให้มีความร่วมสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล โดยทรงชักชวนนักออกแบบแถวหน้าระดับประเทศ มาระดมความคิดและมอบคำแนะนำให้แก่ผู้ประกอบการด้านผ้าไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบ อีกทั้งทรงสนับสนุนการฟื้นคืนการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อให้ช่างทอผ้ามีธนาคารเส้นใยโดยทรงสนับสนุนให้ย้อมสีเส้นใยและผืนผ้าด้วยสีธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้สวมใส่ นับเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาสีย้อมธรรมชาติให้ฟื้นคืนมา
จากการเสด็จไปทอดพระเนตรผลงานของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองในทุกภูมิภาคของประเทศ “สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ได้พระราชทานโครงการตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อให้รายได้กลับสู่ชุมชน ส่งเสริมและกระตุ้นผ้าไทยให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศ, ทุกวัย และทุกโอกาส อีกทั้งสนับสนุนให้ประชาชนชาวไทยได้สวมใส่ผ้าไทยกันอย่างแพร่หลาย โดยเริ่มต้นด้วยการพัฒนาลายผ้าที่ต่อยอดจากลวดลายพื้นถิ่นอย่างร่วมสมัย เสริมด้วยการจับคู่สีที่ทันสมัยและเป็นแฟชั่น พร้อมพระราชทานคำแนะนำทางด้านการฝึกอบรม ตลอดจนช่องทางการตลาดรูปแบบใหม่ๆ
พร้อมกันนี้ “สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ยังพระราชทานแนวพระดำริแก่กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสมาคมแม่บ้านมหาดไทย และคณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก บูรณาการองค์ความรู้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนให้ผู้ประกอบการและช่างทอผ้าร่วมกันสร้างสรรค์ผ้าผืนงามที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลก รวมไปถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้ที่สวมใส่ผ้าไทย ด้วยการใช้ผ้าย้อมสีจากธรรมชาติ ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดได้รับการรังสรรค์จากเส้นใยและพืชพรรณภายในชุมชน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยังประโยชน์ให้แก่ปวงชนชาวไทย นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผืนผ้า ด้วยการฟื้นคืนภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในการปลูกฝ้าย, ปลูกหม่อน, เลี้ยงไหม และถักทอผืนผ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตลอดเวลาที่ผ่านมา กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหอกสำคัญในการสนับสนุนโครงการตามแนวพระดำริของพระองค์อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ผู้ประกอบการและช่างทอผ้าสามารถพึ่งพาตนเองในด้านการสร้างสรรค์ผืนผ้า ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ อีกทั้งยังส่งเสริมเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาร่วมสืบสานและต่อยอดภารกิจการรังสรรค์ผ้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ก่อกำเนิดแนวทางในการพัฒนาผ้าไทย นำมาซึ่งการสร้างงาน, สร้างรายได้, สร้างชีวิตที่ดีให้แก่ช่างทอผ้าและชุมชนอย่างยั่งยืน
ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการผ้าไทยคือ การถือกำเนิดของ “ผ้าลายพระราชทานเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ซึ่งผ่านการศึกษาค้นคว้าลวดลายที่ปรากฏในศิลปกรรมไทยและผืนผ้าโบราณจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ อันเป็นบทบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนวิถีชีวิต, วัฒนธรรม และธรรมชาติของประเทศไทย ทรงนำมาออกแบบต่อยอดให้โครงสร้างลวดลายมีความร่วมสมัยเป็นสากล หากยังคงสื่อถึงเอกลักษณ์อันงดงามของชาติ เริ่มตั้งแต่ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี, ผ้าบาติกลายปาเต๊ะร่วมใจเทิดไท้เจ้าหญิง, ผ้าบาติกลายป่าแดนใต้, ผ้าบาติกลายท้องทะเลไทย, ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา, ผ้าลายดอกรักราชกัญญา จนมาถึงล่าสุดคือ “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” พระองค์ได้พระราชทานแก่ช่างทอผ้าและช่างหัตถกรรมไทยทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เนื่องในโอกาสที่ทรงได้รับการถวายปริญญาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ ประจำปีการศึกษา 2566 จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้ประชาชนได้นำไปถักทอผืนผ้าและสร้างสรรค์งานหัตถกรรม ด้วยการผสมผสานกับลวดลายโบราณในพื้นถิ่น นับเป็นการฟื้นฟูภูมิปัญญาแห่งอดีต พร้อมกับยกระดับมาตรฐาน ตลอดจนพัฒนาศักยภาพการสร้างสรรค์ผืนผ้าและงานหัตถกรรมในทุกมิติ ด้วยการออกแบบตามความคิดสร้างสรรค์ของศิลปิน
น้ำพระราชหฤทัยยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ไม่เพียงแต่จะสร้างรายได้ทวีคูณกลับคืนสู่ชุมชน และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิลปินท้องถิ่น ยังส่งผลให้ประเทศไทยผงาดขึ้นเป็นประเทศที่มีความร่ำรวยทางวัฒนธรรมอย่างแท้จริง.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม