"คนละครึ่ง" รอบใหม่ เงื่อนไขอาจไม่แตกต่าง หวังช่วยเหลือประชาชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมคาดเริ่มใช้ได้เร็วสุดเดือน ต.ค.นี้

จากกรณี "รัฐบาลอนุทิน" มีแนวคิดที่จะนำโครงการ "คนละครึ่ง" กลับมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วนอีกครั้งนั้น ขณะที่ "กระทรวงการคลัง" มีความพร้อมที่จะทำโครงการคนละครึ่งได้ทันที หากมีนโยบายออกมาชัดเจน เพราะขณะนี้มีความพร้อมทั้งในส่วนระบบ งบประมาณ และความเหมาะสมต่อสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน

หากได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว จะใช้เวลาในการเตรียมการไม่นาน หากนโยบายชัดเจนและมีการสั่งการจากระดับสูง ประมาณการใช้เวลาไม่เกิน 30-45 วัน สามารถเริ่มโครงการได้เลยในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะตรงกับช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่เศรษฐกิจต้องการแรงผลักดันเพิ่มเติม

...

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมองว่าการทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบคนละครึ่ง เป็นเรื่องที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะช่วยได้ทั้งการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อได้อีกทางหนึ่งที่มีผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในภาคประชาชนที่มีการใช้จ่าย รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าก็สามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น สร้างการไหลเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจฐานราก

สำหรับด้านงบประมาณ รัฐบาลได้จัดสรรงบกลางเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับปี 2569 ไว้อยู่แล้วเป็นจำนวน 25,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่สามารถนำงบประมาณก้อนนี้ออกมาใช้ดำเนินโครงการคนละครึ่งหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบอื่นๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม

ส่วนด้านความพร้อมของระบบเทคโนโลยี ก็ไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ เพราะที่ผ่านมากระทรวงการคลังเคยดำเนินโครงการคนละครึ่งมาแล้วถึง 5 รอบผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง และแอปถุงเงิน ทำให้มีประสบการณ์และความชำนาญในการจัดการระบบเป็นอย่างดี ดังนั้นหากจะเดินหน้าโครงการต่ออีกครั้ง ก็สามารถใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังที่มีอยู่แล้ว เปิดให้ประชาชนลงทะเบียน และดำเนินการรับจ่ายเงินได้ทันทีโดยไม่ต้องพัฒนาระบบใหม่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องมีการติดตามและปรับปรุง คือเรื่องของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งก่อนหน้านี้มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทั้งร้านเล็กและร้านใหญ่รวมกันเกินกว่า 1 ล้านร้านค้าทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งในเขตเมืองและชนบท

สำหรับช่วงที่มีการหยุดโครงการไประยะหนึ่ง อาจมีร้านค้าบางส่วนถอนตัวออกจากระบบ หรือปิดกิจการไป ดังนั้นจึงจะต้องทบทวนและตรวจสอบตัวเลขร้านค้าที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่อีกครั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องที่มีความซับซ้อนเพราะสามารถดำเนินการแบบ 2 ขั้นตอนคู่ขนาน คือเปิดให้ร้านค้าที่ยังอยู่ในระบบและพร้อมดำเนินการรับเงินเริ่มทำงานไปก่อนได้ และในขณะเดียวกันก็เปิดรับสมัครร้านค้าใหม่ หรือร้านค้าที่ต้องการกลับเข้าร่วมโครงการไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้เตรียมความพร้อมในด้านการประชาสัมพันธ์และการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้งาน เพื่อให้โครงการสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และสร้างผลกระทบทางบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อีกด้วย.