จากการที่องค์การสหประชาชาติ ชี้ว่ากัมพูชาเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุด สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ สั่งยึดทรัพย์สแกมเมอร์รายใหญ่ในกัมพูชา หลังพบว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และฟอกเงิน ขณะที่เกาหลีใต้ก็กดดันกัมพูชาให้ช่วยชาวเกาหลีใต้ที่โดนสแกมเมอร์ล่อลวงมากักขังบังคับให้ทำงานสแกมเมอร์ในกัมพูชาถูกยกระดับเป็นปัญหาระดับโลก ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ที่โดนกดดันจากมหา อำนาจและคนในประเทศให้เร่งปราบปรามสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา จึงได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีนายกฯ เป็นประธานเพื่อให้การปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งการหลอกลวงทางออนไลน์ พนันออนไลน์ และการฟอกเงิน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน กระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ หลังโดนวิจารณ์ว่าไม่จริงจังในการปราบปรามซ้ำยังโดนฝ่ายค้าน พรรคประชาชน เพ่งเล็งตรวจสอบกรณีรัฐมนตรีบางคนเข้าไปมีเอี่ยวพัวพันกับอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา ทำให้รัฐบาลไม่สนใจปราบ สแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาดจริงจัง ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ชิงจังหวะที่รัฐบาลเพิ่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีออกแถลงการณ์เชิงสอนมวยรัฐบาล ว่าปัญหาขบวนการสแกมเมอร์ในประเทศเพื่อนบ้านเคยได้รับการแก้ไขจนเห็นผลเป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่กลับมาเป็นปัญหาสำหรับประชาชน และเป็นประเด็นใหญ่ระดับโลกอีกครั้ง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก เร่งดำเนินการ 7 มาตรการ ในการแก้ปัญหาอาทิ การตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เน็ต ตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดศูนย์กลางสแกมเมอร์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เข้มงวดปิดเส้นทางธรรมชาติ เร่งสานต่องานจากรัฐบาลชุดที่แล้วในการเจรจากับเพื่อนบ้าน และประเทศต่างๆ จัดตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ และเร่งระงับบัญชีม้า เป็นต้นแม้ข้อเสนอ 7 มาตรการ ในการ ปราบปรามสแกมเมอร์ของพรรคเพื่อไทย จะแฝงเหลี่ยมชิงกระแสการเมือง แต่ถ้ารัฐบาลชุดนี้มีความจริงใจและจริงจังในการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้าม ชาติที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา ก็ควรนำข้อเสนอที่เคยปฏิบัติได้ผลมาแล้ว มาพิจารณาปรับใช้ เพื่อสกัดกั้นสแกมเมอร์ที่เป็นภัยร้ายของโลก.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม