คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 มีมติ 5:4 สั่งให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก จนมีรายงานว่า แกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาล ทยอยเดินทางเข้าไปปรึกษาหารือกันที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คนสำคัญของไทย ที่เพิ่งพ้นโทษและกลับมาอยู่บ้านได้ราวครึ่งปี นำมาสู่คำถามถึงการมีอำนาจควบคุมรัฐบาล


โดยในวันดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กทม. หลังมีสื่อมวลชนจำนวนมากมาติดตามความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลัด หลังมีรายงานว่า นายทักษิณ ได้เรียกพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือว่า จะหาทางออกจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร และจะดันใครมานั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทยต่อจากนายเศรษฐา โดยมีชื่อของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะลูกสาว และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ อีกคนของพรรคเพื่อไทย มาแรงทั้งคู่


หลังจากนั้น ในช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่า เริ่มมีรถแกนนำพรรคร่วมทยอยเดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ตามที่สื่อมวลชนรายงาน ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ, นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ รวมถึงแกนนำของพรรคเพื่อไทยอย่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และนายชัยเกษม นิติสิริ

...




ก่อนจะผ่านไป 2 วัน ในวันที่ 16 สิงหาคม 2567 สภาฯ ได้มีการนัดประชุมเพื่อโหวตเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ก่อนจะมีมติเสียงส่วนใหญ่เลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อจากนายเศรษฐา ทวีสิน


เหตุการณ์ดังกล่าวนำมาสู่คำร้องว่า นายทักษิณ ชินวัตร อาจเข้าข่ายการมีพฤติกรรมครอบงำ 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ณ ขณะนั้น แม้ในปัจจุบันจะไม่มีพรรคภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ ซึ่งโยกมาอยู่ในซีกฝ่ายค้านแล้วก็ตาม ซึ่งมีรายงานว่าคณะกรรมการสอบสวนจะส่งเรื่องถึงเลขา กกต. เพื่อพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบทั้ง 6 พรรคต่อไป


แต่ล่าสุด กกต. ได้ชี้แจงผ่านเอกสารข่าว โดยยืนยันว่า ขณะนี้คำร้องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของสำนักงาน กกต. ยังไม่ได้เสนอ กกต. พิจารณาตามที่ถูกเสนอข่าวแต่อย่างใด พร้อมขอให้มีการตรวจสอบก่อนเผยแพร่ข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชน