วันที่ 4 ส.ค. 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ประณามการกระทำของรัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา ที่ปล่อยศพทหารของตนเองไว้ในพื้นที่การรบโดยไม่มีการจัดการใดๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรมและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
การกระทำเช่นนี้ เป็นการทำลายเกียรติของผู้เสียชีวิต และสร้างความเจ็บปวดให้กับครอบครัวอย่างไม่สามารถให้อภัยได้ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา (Geneva Conventions) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) ที่กำหนดให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งต้องจัดการกับศพผู้เสียชีวิตด้วยความเคารพและสมเกียรติ
พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพกัมพูชาตระหนักถึงหน้าที่ตามหลักสากล และแสดงความรับผิดชอบต่อทหารของตนเอง ด้วยการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมและสมเกียรติ ไม่ควรปล่อยให้วีรบุรุษของชาติถูกทอดทิ้งอย่างน่าอับอายเช่นนี้
ขณะที่ ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) รายงานผลกระทบ 3 ด้าน จากการทิ้งศพจำนวนมากให้เน่าเปื่อยในที่โล่งแจ้ง ดังนี้
...
1. ผลกระทบด้านสุขภาพ การทิ้งศพให้เน่าเปื่อยทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่าง ๆ ซึ่งสามารถแพร่สู่ผู้คนในพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะในแหล่งน้ำดื่มและน้ำใช้ ของเหลวจากศพที่เน่าเปื่อยยังทำให้แหล่งน้ำใต้ดินและผิวดินมีการปนเปื้อน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ กลิ่นเหม็นจากกระบวนการย่อยสลายยังส่งผลต่อระบบการหายใจด้วย
2. ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ของเหลวจากศพที่เน่าเปื่อยจะซึมลงไปในดินและปนเปื้อนสารพิษในแหล่งน้ำ ทำให้ดินและน้ำในพื้นที่นั้นเสียหาย ปัญหานี้สามารถทำลายระบบนิเวศในพื้นที่ โดยมีผลกระทบต่อพืชและสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำเหล่านั้น การปนเปื้อนน้ำและดินยังเป็นอุปสรรคในการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม
3. ผลกระทบด้านจิตใจและสังคม การเห็นศพจำนวนมากที่เน่าเปื่อยสามารถสร้างความหวาดกลัวและวิตกกังวลในผู้คน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเผชิญกับภาพที่สะเทือนขวัญ นอกจากนี้ยังทำลายเกียรติภูมิของผู้เสียชีวิตและครอบครัว และเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรม การกระทำดังกล่าวยังสามารถเพิ่มความขัดแย้งและความเกลียดชังในสังคม