จากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา นอกจากผลกระทบทางตรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่และประชาชนตามแนวชายแดนแล้ว ยังส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยแพร่รายงานสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย - กัมพูชา ประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2568 โดยในช่วงหนึ่ง กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจการค้าและผลกระทบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้
- แรงงานชาวกัมพูชานับ 20,000 เร่งเดินทางกลับประเทศ ผ่านจุดผ่านแดนด้าน จ.จันทบุรี
สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (NBT) รายงานเมื่อ 5 ส.ค. 68 ว่า แรงงานชาวกัมพูชาเร่งเดินทางกลับประเทศหลังมีกระแสข่าวว่าทางการกัมพูชาจะออกรังวัดที่ดินหากไม่กลับครั้งนี้ต้องรอครั้งหน้า ซึ่งยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ส่งผลให้หน้าด่านแน่นขนัดไปด้วยแรงงานกัมพูชา ก่อนหน้านี้หลังการประกาศหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชาเมื่อ 29 ก.ค. 68 จำนวนแรงงานที่เดินทางกลับลดลงเหลือเพียงหลักพันคน เนื่องจากบางส่วนตัดสินใจทำงานในไทยต่อ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา จำนวนผู้เดินทางกลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยแรงงานบางคนเผยว่าได้รับโทรศัพท์จากครอบครัวในกัมพูชา - ปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา กระทบท่องเที่ยวไทย ประเมินมูลค่าความเสียหายอาจสูงเฉียด 3,000 ล้านบาทต่อเดือน
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากเกิดการปะทะของทั้ง 2 ประเทศ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจังหวัดชายแดน มีการปิดด่านและสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง มีการยกเลิกห้องพักเป็นจำนวนมากเนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่รวมจังหวัดอื่น ๆ พบการยกเลิกห้องพักรวมกว่า 5,000 ห้อง โดยมีการประเมินมูลค่าความเสียหายต่อภาคการท่องเที่ยวอาจสูงถึง 3,000 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับสถานการณ์ในภาพรวมของ 7 จังหวัดชายแดนไทยติดต่อกับกัมพูชา ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด มีผลกระทบสำคัญ ได้แก่ โรงแรมชายแดนปิดชั่วคราวและเลื่อนกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ด่านชายแดนหลายแห่งเข้มงวดการเข้า - ออก หรือการปรับเวลาเปิด - ปิดด่าน รวมทั้งยังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้บรรยากาศเงียบเหงา อย่างไรก็ตาม ในบางพื้นที่มีผู้เข้าพักจากผู้บริจาคและสื่อมวลชนแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวปกติ - นักวิชาการเผย ไทยเสี่ยงขาดแคลนแรงงานฉับพลัน อาจกระทบการผลิตและการดำเนินงานของกิจการ
รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชาส่งผลให้แรงงานกัมพูชาจำนวนกว่า 4 แสนคน (จาก 1 - 1.2 ล้านคน) เดินทางกลับประเทศอย่างกะทันหัน ทำให้ไทยเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างฉับพลัน กระทบการผลิตและการดำเนินงานของกิจการให้สะดุดได้ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม ก่อสร้าง และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารซึ่งแรงงานกัมพูชาเป็นกำลังหลักในหลายพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดชายแดน อย่างจันทบุรี ตราด และสุรินทร์ซึ่งแรงงานกัมพูชาคิดเป็นกว่า 70 - 80% ของแรงงานทั้งหมด
นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของกัมพูชาเนื่องจากเงินที่แรงงานส่งกลับบ้านลดลงอย่างมาก โดยหากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจต้องพิจารณาใช้แรงงานจากลาวและเมียนมาเข้ามาทดแทน แต่ในระยะสั้นอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านปริมาณและประเภทของแรงงานที่แตกต่างกัน ทางแก้ระยะยาวจึงควรปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตไปสู่การใช้เทคโนโลยีและทุนมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน
...
ที่มา : สนค.