ย้อนไทม์ไลน์ คดีชั้น 14 "ทักษิณ" กลับไทยตามนัด ก่อนศาลฏีกาฯ มีคำสั่งบังคับโทษคุก 1 ปี ชี้รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่นับเป็นการบังคับโทษ นำตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 

เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายสำหรับ “คดีชั้น 14” ที่มีการยื่นคำร้องให้ตรวจสอบการบังคับโทษ กรณีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งถือเป็นคดีที่สังคมให้การจับตามองอย่างมาก ลำดับเหตุการณ์เป็นอย่างไร ไทยรัฐออนไลน์ ไล่เรียง


  • วันที่ 22 ส.ค. 66 

นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับไทย หลังลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศนานกว่า 17 ปี โดยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีลูกๆ รอต้อนรับ ก่อนจะมีการนำตัวไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยศาลได้แจ้งคำพิพากษารวม 3 คดี มีโทษจำคุกรวม 8 ปี

จากนั้นได้นำตัวนายทักษิณ ส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบางอายุเกิน 60 ปี มีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวัง เบื้องต้นกักตัว 10 วันที่แดน 7 ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของเรือนจำ ต่อมากลางดึก เวลา 23.59 น. นายทักษิณมีอาการป่วยกำเริบ แน่นหน้าอก-ความดันขึ้นสูง จึงมีการส่งตัวรักษาต่อที่ รพ.ตำรวจ และรักษาต่อเรื่อยมา

...

  • วันที่ 31 ส.ค. 66 

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขา ตามที่นายทักษิณ ได้ยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ความว่าเคยดำรงตำแหน่งนายกฯ ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ มีความจงรักภักดี ยอมรับการกระทำผิดและสำนึกในความผิด และขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพ

ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษเหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชน

ขณะที่กระแสสังคมมีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยถึงอาการป่วยของนายทักษิณ มีการยื่นข้อร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเวลาต่อมา

  • วันที่ 17 ก.พ. 67 

นายทักษิณ เป็น 1 ในนักโทษ 945 รายที่เข้าเกณฑ์ “พักโทษ” คือกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป มีการเจ็บป่วยร้ายแรง ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 ของโทษที่กำหนด สามารถกลับมารักษาที่บ้านได้แต่ต้องไปรายงานตัวทุกเดือน โดยพบว่านายทักษิณ ได้สวมเฝือกคอ-แขน เดินทางออกจาก รพ.ตำรวจ กลับไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 

  • วันที่ 10 ม.ค. 68 

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.ประชาธิปัตย์ เข้ายื่นคำร้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ไม่ถูกจำคุกตามคำพิพากษา

  • วันที่ 30 เม.ย. 68 

ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่านายชาญชัยไม่ใช่ผู้เสียหายของคดีดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อความปรากฏต่อศาลว่า อาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุก ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร โดยให้นายทักษิณ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ชี้แจงข้อเท็จจริง

  • วันที่ 13 มิ.ย. - 30 ก.ค. 68

ศาลฎีกาฯ ได้มีการนัดนายทักษิณ ผู้ที่เกี่ยวข้อง และพยานเข้ามาไต่สวนรวม 7 นัด 31 ปาก โดยนัดแรกเป็นการไต่สวนนายทักษิณ ซึ่งไม่ได้มาด้วยตนเองแต่แต่งตั้งนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้รับมอบอำนาจ เข้าร่วมกระบวนพิจารณาแทน โดยศาลได้กำหนดวันนัดฟังคำสั่ง 9 ก.ย.68

...


  • วันที่ 4 ก.ย. 68 

อย่างไรก็ดีวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ไม่กี่วันก่อนถึงวันนัดฟังคำสั่งศาล นายทักษิณได้เดินทางออกนอกประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัวจากสนามบินดอนเมือง โดยมีรายงานว่าเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ก่อนมีการตรวจสอบจากเว็บไซต์ "Flightradar24" ที่รายงานเส้นทางการบิน ว่านายทักษิณไปเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง ไปที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แทน เกิดคำถามในสังคมว่าเหตุใดนายทักษิณจึงเปลี่ยนเส้นทาง และจะเดินทางกลับไทยหรือไม่? 

ต่อมา นายทักษิณ ชี้แจงผ่าน x (ทวิตเตอร์) ว่า ตั้งใจไปตรวจสุขภาพที่สิงคโปร์ แต่เนื่องจากถูก ตม.ไทยถ่วงเวลาเกือบ 2 ชม. ทำให้เครื่องบินไปลงที่สนามบิน Seletar สำหรับเครื่องบินส่วนตัวไม่ทัน จึงเปลี่ยนแผนไปดูไบเพราะมีหมอที่เคยรักษาที่นั่น ยืนยันว่ากลับไทยไม่เกินวันที่ 8 ก.ย.แน่นอน

  • วันที่ 8 ก.ย. 68

นายทักษิณ ได้เดินทางกลับโดยแวะตรวจสุขภาพที่ประเทศสิงคโปร์ก่อน จากนั้นเดินทางถึงไทยเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. 

  • วันที่ 9 ก.ย.68 

ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งบังคับโทษจำคุก 1 ปีนายทักษิณ ชี้การเข้าไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่นับเป็นการบังคับโทษตามกฎหมาย จากนี้นำตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ