นายกฯ อนุทินเตรียมปัดฝุ่น โครงการ "คนละครึ่ง" จากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่อาจมีการปรับเงื่อนไข ข้อมูลล่าสุดวันนี้ (11 ก.ย.) เรารู้อะไรแล้วบ้าง?  

“คนละครึ่ง” โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ล่าสุดรัฐบาลนายกฯ ป้ายแดง อนุทิน ชาญวีรกูล นำมาปัดฝุ่นใหม่ มอบหมายให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง และทีมเศรษฐกิจศึกษาและออกแบบโครงการ


“คนละครึ่ง” ยุคลุงตู่

โครงการคนละครึ่ง มีจุดเริ่มต้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยให้ประชาชนชาวไทย ที่มีบัตรประชาชน อายุ 18 ปีขึ้นไปและไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สแกนซื้อของผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” โดยรัฐช่วยอุดหนุน 50% แต่ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน

เฟส 1 : ใช้จ่ายวันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค. 2563 เปิดลงทะเบียน 10 ล้านสิทธิ ได้รับวงเงินคนละ 3,000 บาท

เฟส 2 : ใช้จ่ายวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 2564 ขยายเวลาจากเฟส 1 เพิ่มวงเงินให้กลุ่มเดิม 500 บาท และลงทะเบียนเพิ่ม 5 ล้านสิทธิ โดยผู้ลงทะเบียนใหม่ได้รับวงเงินคนละ 3,500 บาท

...

เฟส 3 : ใช้จ่ายวันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค. 2564 เปิดลงทะเบียน 28 ล้านสิทธิ โดยได้รับวงเงินคนละ 4,500 บาท

เฟส 4 : ใช้จ่ายวันที่ 1 ก.พ.-30 เม.ย. 2565 ให้ผู้มีสิทธิเดิมและลงทะเบียนใหม่ 1 ล้านสิทธิ (รวมเป้าหมาย 29 ล้านสิทธิ) วงเงิน 1,200 บาท พบมีผู้ใช้สิทธิ 26.38 ล้านคน

เฟส 5 : ใช้จ่ายวันที่ 1 ก.ย.-30 ต.ค. 2565 ให้ผู้มีสิทธิเดิมและลงทะเบียนใหม่อีก 3.09 ล้านสิทธิ 800 บาท พบมีผู้ใช้สิทธิ 24.02 ล้านคน

พบว่าตลอดทั้ง 5 เฟส มีการใช้งบประมาณราว 230,000 ล้านบาท


“คนละครึ่ง” ยุคเสี่ยหนู

หลังขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ คนล่าสุดคนที่ 32 นายอนุทิน ได้หยิบนำโครงการคนละครึ่งมาทำใหม่ โดยเดินหน้าออกแบบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

วันที่ 10 ก.ย. 68 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งรอบใหม่จะให้สิทธิประชาชนคนไทยทุกคนในอัตรา 50:50 แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในระบบภาษีหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษี จะได้รับการสนับสนุนในอัตราที่สูงกว่าเป็น 60:40 โดยไม่ได้กำหนดว่าต้องเคยจ่ายภาษีเท่านั้น แต่ผู้ที่อยู่ในระบบแม้รายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีก็ได้รับสิทธิ 

สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ดำเนินโครงการ มีวงเงินเหลือจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดก่อน 25,000 ล้านบาท สามารถนำมาใช้ได้ทันที แต่หากโครงการมีขนาดใหญ่ที่ต้องการขยายวงเงินให้ครอบคลุมมากขึ้น อาจต้องพิจารณาดึงงบประมาณจากงบฯ กลางรายการอื่นมาสมทบ

วันนี้ (11 ก.ย. 68) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย ระบุว่า ตอนนี้ทาง รมว.คลังกำลังทำการบ้านอย่างหนักในการออกแบบรายละเอียดโครงการ

ในส่วนของผู้มีสิทธิใช้ อาจจะมีการขยายกลุ่มมากขึ้น ซึ่งกำลังศึกษาว่าควรโอนให้กลุ่มไหนบ้าง เพื่อให้เงินกระจายอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีการเสนอว่าอาจมีการลดอายุเป็น 16 ปีขึ้นไปและไม่ยกเว้นกลุ่มที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงร้านค้าที่มีสิทธิลงทะเบียนร่วมโครงการครั้งก่อนเป็นร้านค้าขนาดเล็ก ที่ไม่ได้จดทะเบียนเสียภาษี VAT ก็คิดว่าจะขยายให้ครอบคลุมกลุ่มนี้ได้หรือไม่ หากได้ต้องเป็นร้านแบบใด อย่างไรก็ดีจะไม่มีการเก็บภาษีย้อนหลังร้านค้าที่เข้าโครงการ 

สำหรับรายการสินค้าต้องห้ามที่ไม่สามารถร่วมโครงการได้ คาดว่าจะเป็นเหมือนโครงการเดิม เช่น ห้ามซื้อหวย เหล้า บุหรี่

ในส่วนของวงเงินสูงสุดต่อวัน มีข้อเสนอจากเอกชนว่าสามารถเพิ่มเป็น 200 บาทต่อวันได้หรือไม่ ก็ต้องเรียนว่าโครงการนี้มีวงเงินและเวลาดำเนินการจำกัดภายใน 4 เดือน ก็ต้องพิจารณาเปรียบเทียบกัน หากวงเงินต่อวันมาก สิทธิของคนที่ได้อาจจะลดลง ต้องรอให้ รมว.พิจารณาว่าจะเพิ่มวงเงิน เพิ่มจำนวนคน หรือจะหาเงินมาเพิ่ม

ทั้งนี้คาดว่าหลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรีและแถลงนโยบาย อีกประมาณ 2 สัปดาห์ก็น่าจะเริ่มโครงการได้ 

ขอบคุณ : thairathmoneyเจาะลึกทั่วไทย

...