แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปต ย้ายคนหนีเหตุปะทะชายแดนไทยไปชายแดนเวียดนาม "มูลนิธิอิมมานูเอล" เผยถูกสั่งขัง-ห้ามติดต่อที่บ้าน ช่วยพากลับยากขึ้น แนะไทยจี้แผลกัมพูชาค้ามนุษย์บนเวทีโลก
จากสถานการณ์การปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา และบางส่วนตั้งข้อสงสัยว่า การที่ประเทศไทยกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาจเป็น 1 ในเหตุผล ที่ทำให้กัมพูชาไม่พอใจ เนื่องจากกระทบแหล่งรายได้สำคัญหรือไม่?
นายกฯ อิ๊งค์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ได้กล่าวเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลได้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนลาว-เมียนมา อย่างจริงจัง แต่ทางกัมพูชากลับไม่พอใจที่ไม่ปรึกษาและไม่เชิญไปร่วมด้วย จึงสงสัยว่าไทยไปขัดผลประโยชน์บางอย่างหรือไม่ (อ่าน : “อิ๊งค์” คาดชนวนปะทะ เกิดจากกัมพูชาไม่พอใจไทยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำเสียผลประโยชน์)
เช่นเดียวกับ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ กล่าวว่า นักวิชาการต่างประเทศได้วิเคราะห์ว่าส่วนหนึ่งของเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สืบเนื่องจากการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างเข้มข้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กว่า 80% ตั้งอยู่ทางฝั่งประเทศกัมพูชา และจากการสืบสวนในหลายคดีที่ผ่านมา พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะในกัมพูชา
ทั้งนี้มีคนไทยกว่า 200 ราย มีความประสงค์จะเดินทางกลับ แต่เมื่อมีข่าวการเจรจาหยุดยิง ทำให้คนไทยกลุ่มนี้เปลี่ยนใจกลับไปทำงานเดิมต่อเหลือกลับเข้ามาจริงเพียงแค่ 74 ราย ชี้ให้เห็นว่าการทำงาน การหลอกลวงคนไทยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
...
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ายฐานหนีการปะทะ
ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ พูดคุยประเด็นนี้กับ จารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล ซึ่งทำงานในประเด็ต่อต้านการค้ามนุษย์ ช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตึงเครียด บรรดาแก๊งสแกมเมอร์ที่อยู่ในปอยเปต จ.บันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้ขนย้ายคนไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลชายแดนไทย เช่น สีหนุวิลล์ จ.สวายเรียง จ.กันดาล จ.กัมปอด ที่อยู่ติดกับประเทศเวียดนามแทน ซึ่งพื้นที่แถบนั้นเป็นอีกฐานสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งความร่วมมือไทย-กัมพูชา, สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ที่เข้าไปในพื้นที่เพื่อกวาดล้างขบวนอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งคณะทำงานเหล่านี้ได้ดำเนินการมาก่อนสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนจะปะทุขึ้น แต่หลังมีเหตุปะทะพบว่าทำงานร่วมกันได้ยากขึ้น ล่าสุดทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ก็ระงับความร่วมมือในการจัดทำร่างมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ในการสืบสวนคดีค้ามนุษย์กับกรมตำรวจแห่งชาติกัมพูชาไปแล้ว
อย่างไรก็ดี แม้จะมีเหตุปะทะแต่ยังมีเหยื่อรายใหม่ถูกหลอกไปทำงานอยู่ โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการขนคนข้ามชายแดนเล็กน้อย เช่น ให้นั่งเครื่องบินไปลงที่พนมเปญ หรือใช้ช่องทางธรรมชาติที่ห่างไกลมากขึ้น
ขณะเดียวกันการช่วยเหยื่อกลับประเทศไทยทำได้ยากมากขึ้น โดยปกติแล้วเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงาน มักเป็นงาน “สแกนหน้า” เมื่อบัญชีถูกอายัดก็จะถูกส่งกลับหรือติดต่อทางครอบครัวเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่เมื่อเหยื่อเหล่านี้ถูกส่งตัวไปอยู่ที่อื่นที่ห่างไกลมากขึ้น พบว่าถูกจับขังและไม่ให้ติดต่อที่บ้าน ทำให้การติดตามช่วยเหลือทำได้ยากขึ้นด้วย
ก่อนหน้านี้ หากเหยื่อถูกส่งกลับหรือหลบหนีออกมาได้ มักใช้วิธี “วิ่งชนด่าน” คือติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ไทยที่ด่านข้ามแดน แต่เมื่อเกิดข้อพิพาททำให้มีการปิดด่าน หรือแม้มาถึงด่านได้ก็ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด มีการกักตัวเอาไว้ก่อนและอาจถูกดำเนินคดีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากตามกฎอัยการศึก แย่กว่านั้นหากถูกทหารกัมพูชาควบคุมตัวไว้ได้ก่อน ก็จะถูกจับไปติดคุกเพื่อรอการเนรเทศได้
...
แนะไทยจี้แผล กัมพูชาค้ามนุษย์
จารุวัฒน์ เผยว่า จากการทำงานช่วยเหลือเหยื่อถูกหลอกไปเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขอความร่วมมือไปยังทางการกัมพูชา มักไม่ค่อยให้ความร่วมมือและไม่เคยยอมรับเลยว่าเป็นคดีค้ามนุษย์ มองเพียงเป็นการหลอกลวง ซึ่งเป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่ก่อนมีเหตุปะทะชายแดน
ในประเด็นข้อสันนิษฐานว่า รัฐบาลไทยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นชนวนเหตุให้กัมพูชาเปิดศึกชายแดนนั้น มองว่าอาจเป็น 1 ในเหตุผลแต่ไม่ใช่ทั้งหมด โดยขบวนเหล่านี้สร้างรายได้มหาศาลหลายแสนล้านบาท ซึ่งไทยควรใช้โอกาสนี้ในการเปิดโปง พูดถึงปัญหาค้ามนุษย์ในกัมพูชาอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องเกรงใจคำปฏิเสธของกัมพูชาหรือการที่เรามีความร่วมมือในแก้ปัญหานี้อีกต่อไป ซึ่งอาจอาศัยข้อมูลจากเหยื่อชาวไทยที่หนีกลับมาได้ เปิดโปงพิกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งหลอกคนไทยไปทำร้าย กักขัง บังคับให้ทำผิดกฎหมาย โดยที่ทางการกัมพูชารับรู้และปล่อยปละละเลยเป็นเวลานาน
“เป็นโอกาสที่ดีที่จะพูดให้สหประชาชาติเห็นว่ามีเรื่องของฐานสแกมเมอร์ ฐานค้ามนุษย์อยู่ เปิดโปงว่าคนไทยรวมถึงเหยื่อชาติอื่นๆ ติดอยู่จุดไหนบ้าง ยืนยันว่ามีการหลอกคนไปทำงาน กักขัง ทำร้าย ขูดรีดอยู่จริงๆ ใช้โอกาสนี้ในการตีแผ่เพื่อให้เขาเลิกการกระทำเช่นนี้ ที่ทางการกัมพูชาปล่อยปละละเลย และมีส่วนรู้เห็นมาตั้งนานแล้ว”