“เกมเหนือเกม” ลุ้นดีเอสไอ ชงรับคดีฮั้วเลือก สว. “นักวิชาการ” คาดบอร์ดมีโอกาสรับเรื่องสูง ชี้ข้อมูลร้องเรียนตรวจสอบเส้นทางเงิน กดดันเอาผิดคนรอบนอกก่อน หวังกดดัน กกต. เช็กบิลฝั่งสีน้ำเงินบนสภาสูง

วันที่ 25 ก.พ.68 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมยื่นเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณี การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือ ฮั้วเลือก สว. โดยมีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ซึ่งมีการนำเอาพยานเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าเสนอต่อคณะกรรมการฯ เนื่องด้วยคณะกรรมการฯ จะต้องมีดุลยพินิจในการพิจารณา

การประชุมพิจารณาที่จะเกิดขึ้น ต้องลุ้นว่า ดีเอสไอ จะรับหรือไม่รับเรื่องนี้ไว้พิจารณา แต่ฝั่ง สว. บางส่วนออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย มองว่าไม่ใช่อำนาจของดีเอสไอ ด้านประธาน สว.ออกมาให้ข่าวว่า พร้อมให้ตรวจสอบอย่างเป็นธรรม

หากประเมินแนวโน้มของบอร์ดดีเอสไอ ที่จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณษหรือไม่ ในมุมของ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม วิเคราะห์ว่า คดีดังกล่าวดีเอสไอ บังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่เป็นกฎหมายกลาง ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะว่าด้วย พ.ร.บ.เรื่องการสอบสวนคดีพิเศษ และมีบอร์ด กคพ. ในการพิจารณาว่ารับเรื่องหรือไม่

...

กรณีนี้ดีเอสไอ ถือว่าสามารถรับเรื่องพิจารณาได้ โดยเนื้อหาที่ดีเอสไอแถลงคือ การใช้อำนาจตามมาตรา 21 ในการสืบหาข้อเท็จจริงที่มีคนร้องเรียน ว่ามีองค์กรอาชญากรรมที่เรียกว่า "อั้งยี่” ประสงค์ร้ายและได้ประโยชน์ในการทำทุจริต ซึ่งเป็นการตามจับคนนอกที่ไม่ใช่ สว. ก่อน

คนนอกที่ต้องสงสัยมีบางส่วน ที่ดีเอสไอกันไว้เป็นพยาน และค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม จึงมีการขออนุมัติเข้าบอร์ดใหญ่ ดีเอสไอ และเป็นคดีสะเทือนความมั่นคง

"น่าสนใจว่าเอกสารที่หลุดมา ถือเป็นความจงใจที่ต้องการกระทุ้งไปยังหน่วยงานรัฐ ที่รับหนังสือ เนื่องจากรับเรื่องไว้พิจารณานานแล้วหลายเดือน ประกอบกับมือที่มองไม่เห็นสั่งการเพื่อบังคับมือที่มองไม่เห็นอีกฝั่ง ซึ่งเป็นเกมในการต่อรองของทั้งสองฝั่ง"

คดีนี้ถือว่ามีมูลมาแล้วบางส่วน เป็นคดีอาญาที่จะไล่จับคนวงนอกก่อน ส่วนถ้ารับพิจารณาแล้ว ถ้ามีมูลความผิดก็เป็นหน้าที่ของ กกต.ในการให้ใบเหลือง หรือปลดออกจากตำแหน่ง สว.

“อำนาจของดีเอสไอ มีเพียงพิจารณากรณี อั้งยี่ ซ่องโจร และเส้นทางการเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มคนรอบนอก แต่ สว. หากมีความผิด จะเป็นหน้าที่ของ กกต. ในการลงโทษ"

การประชุมบอร์ด ดีเอสไอ ในการพิจารณารับเรื่อง วันที่ 25 ก.พ.นี้ เชื่อว่าจะรับเรื่อง เพราะมีพยานหลักฐาน และโพยต่างๆ ที่แนบมาในเอกสารที่ระบุมาจำนวนมาก ดีเอสไอ จะมีการตรวจสอบคนรอบนอกเท่านั้น เช่น ผู้ดูแลจัดหาที่พัก จัดเลี้ยง หรืออำนวยความสะดวกต่างๆ

มองในมุมการเมือง น่าสนใจว่า ถ้ามีการรับเรื่อง ถือเป็นการตีวงล้อม ในกลุ่มอำนาจที่ต้องการจัดการกับกลุ่มสีน้ำเงิน โดยเริ่มจากการเอาผิดคนรอบนอกเพื่อกดดัน กกต. หากมีความผิดจริงก็อาจต้องเร่งพิจารณา

“คดีนี้ระยะยาว คาดว่า สว.มีโอกาสถูกปลดค่อนข้างสูง ถ้ายืดเยื้อสุดอาจไม่ถึง 5 ปี และถ้ามีการชี้ว่ามีมูลความผิด อาจมีการร้องเรียนไปยังศาลฎีกา เกี่ยวกับการกระทำความผิดด้านจริยธรรมร้ายแรง เพื่อให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีเมื่อศาลสั่ง ส่วนคดีอาญาก็ต้องมาพิจารณาอีกครั้ง”

การเมือง "แดง" งัด "น้ำเงิน" เกมเหนือเกม

ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า จุดนี้นำมาสู่จุดแตกหักทางการเมืองของฝั่งแดงและฝั่งน้ำเงิน ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นการสอยบรรดา สว. สีน้ำเงิน ให้หลุดจากตำแหน่ง โดยมีความเกี่ยวโยงกับการเมือง จึงต้องจับตาว่า หลังศึกอภิปราย การเมืองไทยเป็นไปในรูปแบบใด

...

หากประเมินการลงมติรับคำร้องของบอร์ดดีเอสไอ ต้องมาลุ้นว่า ถ้ามีหลักฐานที่ชัดเจน บอร์ดคงมีการรับเรื่องไว้ แต่น่าสนใจว่า ถ้าดีเอสไอมีการพิจารณา แต่ฝั่งของ กกต. ก็อาจไม่รับลูกตาม เพราะที่ผ่านมาก็แสดงท่าทีลอยตัวอย่างเห็นได้ชัด

“ถ้าดีเอสไอรับเรื่องพิจารณาและยืนยันว่ามีความผิด อาจจะไม่มีอำนาจปลด สว. แต่ก็มีผลทำให้มัวหมอง ผลสุดท้ายแล้วกลุ่มการเมืองทั้งสองฝั่งก็มีแต่จะเจ็บช้ำด้วยกันทั้งคู่ อาจต้องประคองกันไปในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล โดมเกมกดดัน สว. ถือเป็นเกมเอาคืนสีน้ำเงิน ยังไม่ถึงขั้นสั่งสอน”