อดีต ผกก.โจ้ ปมปลิดชีพในเรือนจำ แรงจูงใจสำคัญ 2 มุม นักอาชญาวิทยา วิเคราะห์ พฤติกรรมไม่ได้แสดงออกถึงการก่อเหตุร้าย รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบด้านไม่มีสัญญาณมาก่อน มองพิรุธสถานที่เกิดเหตุ

การเสียชีวิตของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก. สภ. เมืองนครสวรรค์ ผู้ต้องขังคดีทรมานผู้ต้องหาจนเสียชีวิต พบศพภายในห้องขังหมายเลข 50 กลางดึก ที่อาคารแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม สร้างความเคลือบแคลงใจ ข้อสงสัยให้กับสังคมเกี่ยวกับการเสียชีวิตว่าไม่น่าเป็นการฆ่าตัวตาย โดยมีประเด็นข้อสงสัยมากมาย ที่สังคมรอคำตอบ ซึ่งในแง่อาชญาวิทยา มีประเด็นอะไรบ้างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้ตายก่อนการเสียชีวิต

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล อดีตประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรปริญญาเอก (นานาชาติ) สาขาอาชญาวิทยา การบริหารงานยุติธรรมและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า สิ่งที่บอกถึงสาเหตุการเสียชีวิตได้ดีสุดคือ หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ สถานที่เกิดเหตุ แม้ว่ามีหลักฐานจากสภาพแวดล้อมจากกล้อง CCTV ระบุช่วงเวลาจากกล้อง CCTV ว่าไม่พบใครเข้าออกในช่วงเวลาดังกล่าว แต่สังคมสงสัย เนื่องจากยังไม่ได้ดูกล้องวงจรปิดต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาตั้งแต่การที่ผู้กำกับโจ้ เดินเข้าไปและอยู่ในห้องขังรวม

มีข้อสงสัยเรื่องพื้นที่เสียชีวิตยังปรากฏจากคำแถลงว่า กล้องวงจรปิดเสีย หลายคนตั้งข้อสังเกตว่ามีพิรุธ อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หรือหลักฐานจากการตรวจชันสูตรพลิกศพของผู้ตาย ก็สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติแบบฆ่าตัวตาย หรือมีการฆาตกรรม เช่น สภาพศพ การเกร็งกล้ามเนื้อ หรือลักษณะของการห้อยตัว แม้มีคนบอกว่า ผ้าผืนเล็กขนาดนั้นก็สามารถใช้สำหรับการฆ่าตัวตายได้ แต่สังคมเกิดข้อสงสัยอีกว่า ถ้าจงใจจะฆ่าตัวตายทำไมไม่เอาเสื้อเป็นเครื่องมือแทนเชือกแทนที่จะเป็นผ้าซับเหงื่อขนาดเล็กลงมา การใช้ผ้าพันรอบคอเพื่อฆ่าตัวตายนั้นต้องมีร่องรอยต่างจากการฆ่าตัวตายกับการแขวนคอตาย

...

โดยที่ร่องรอยการรัดคออาจจะเฉียงลงมา 45 องศา ไม่ใช่ร่องรอยที่เป็นการรัดโดยตรง หรือต้องมีการตรวจว่ามีการทำให้ตายแล้วนำมาแขวนคอหรือไม่ จากสภาพศพรวมทั้งการตรวจสารในร่างกายว่ามีการวางยา หรือมีการจัดฉาก รวมถึงการเกร็งกล้ามเนื้อเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ต้องตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ และบ่งชี้ความจริงว่าเป็นการฆ่าตัวตายโดยแท้จริงหรือเป็นการฆาตกรรมที่มีการจัดฉากว่ามีการฆ่าตัวตาย ส่วนนี้คงต้องรอผลเปรียบเทียบต่อไป

ด้านอาชญาวิทยา เป็นการระบุถึงสาเหตุและแรงจูงใจในการกระทำ หากเป็นการฆ่าตัวตายจะต้องพิจารณาจากเงื่อนไขปัจจัยสภาพแวดล้อม รวมถึงข้อมูลต่างๆ ประกอบกัน เพื่อระบุว่ามีแรงจูงใจจากภายใน ภายนอก ที่ทำให้ลงมืออัตวินิบาตกรรม หรือเป็นการฆาตกรรมโดยมีการวางแผนไตร่ตรองหรือไม่

ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายในเรือนจำ หากดูปัจจัยภายในตัวเอง คือ แรงจูงใจในการฆ่าตัวตาย ในทางจิตวิทยาอาชญากรรม พบว่า ผู้ที่ฆ่าตัวตายในเรือนจำส่วนใหญ่ เป็นการฆ่าตัวตายที่อยู่ในช่วงแรกของการเข้ามาในเรือนจำ เกิดจากการเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนสภาพ และวิตกกังวล เครียดจนไม่สามารถปรับตัวได้ นำไปสู่การฆ่าตัวตาย

ผู้ต้องขังจะคิดฆ่าตัวตายช่วงแรกที่เข้าไปในเรือนจำ ที่พบคือ สัปดาห์หรือสองสัปดาห์แรก เพราะการเข้ามาอยู่ในเรือนจำจะเกิดภาวะเครียดอย่างรุนแรง กะทันหัน มีความวิตกกังวล พบเห็นความรุนแรงหรืออาจถูกคุกคาม ในระยะเวลาดังกล่าวจะสร้างภาวะบีบคั้นอย่างรุนแรง และนำไปสู่การคิดฆ่าตัวตาย แต่หากมีการให้คำปรึกษา มีเพื่อนผู้ต้องขังคอยดูแลค่อยๆ รับสภาพ มีการปรับตัวสามารถอยู่ได้ ข้อเท็จจริงนี้เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นชัดเจนทั่วโลก มีงานวิจัยระบุชัดเจน ยอมรับกันในทางปฏิบัติ ข้อเท็จจริง

จากที่เรารับรู้ ผู้กำกับโจ้ถูกควบคุมตัวและส่งมาอยู่ในเรือนจำต่อเนื่องยาวนานเกินกว่า 3 ปีเศษมาแล้ว กระทั่งศาลได้พิพากษาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต นั่นคือ เรียกว่า ผ่านช่วงเวลาวิกฤติในชีวิตที่จะคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว สามารถปรับตัว ปรับใจได้ในระดับหนึ่งแล้วในเรือนจำ แม้มีความทุกข์ทรมานใจอยู่บ้าง และอาจความเครียดสะสม แต่จากผลการตรวจทางจิตเวชยังไม่พบอาการที่รุนแรง และไม่มีการแสดงออกด้วยการพยายามทำร้ายร่างกายตนเอง เช่น ที่พบอาจพยายามใช้ศีรษะโขกกำแพง หรือฆ่าตัวตายแบบการอดข้าวอดน้ำแบบต่อเนื่องจนร่างกายทนไม่ไหว ดังที่เราพบในข่าวที่มีการเสียชีวิตโดยการฆ่าตัวตายในเรือนจำ

...

หากวิเคราะห์ตามหลักจิตวิทยาอาชญากรรมแล้ว ผู้กำกับโจ้ถูกคุมขังในเรือนจำมาเป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้ว แสดงให้เห็นว่าสามารถปรับตัวปรับใจได้ในระดับหนึ่ง ไม่มีข้อมูลหรือประวัติการพยายามฆ่าตัวตาย ไม่มีข้อมูลที่สะท้อนถึงความกดดันที่จะฆ่าตัวตาย เช่น การบ่นกับผู้ต้องขังด้วยกัน หรือญาติ ในแง่ของแรงจูงใจในเรื่องของการฆ่าตัวตายน่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ประกอบกับการมีข้อมูลจากภรรยา ซึ่งเข้าไปเยี่ยมอยู่เป็นประจำ แม้กระทั่งล่าสุดที่ระบุว่า การเข้าไปเยี่ยมไม่กี่วัน มีการวางแผนกันว่าออกมาแล้วจะมีการดำเนินชีวิตกัน รวมทั้งมีข้อมูลระบุว่า ญาติ แม่ พี่น้องก็ไปเยี่ยมให้กำลังใจอยู่สม่ำเสมอ ประเด็นนี้จึงเป็นเรื่องที่เกิดความสงสัยว่าแรงจูงใจภายในน่าจะไม่ใช่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย น้องสาว ญาติๆ จึงเกิดความสงสัยในแรงจูงใจในการฆ่าตัวตายมีน้ำหนักน้อยมาก

ส่วนจากแรงกดดันอย่างอื่น ปัจจัยภายนอกที่มีแรงกดดันถึงขนาดนำไปสู่การฆ่าตัวตายนั้น จากข้อมูลที่ปรากฏจากการแถลงของกรมราชทัณฑ์เอง ทั้งจากการที่ญาตินำเรื่องไปแจ้งความร้องเรียนหน่วยงาน การมีความขัดแย้งกับผู้คุมหรือความไม่พอใจของนักโทษบางคน

รวมทั้งการรายงานถึงการกระด้างกระเดื่องในเรือนจำแก่ผู้บัญชาเรือนจำ ยังเป็นข้อสงสัยว่าจะนำไปสู่ความโกรธของเจ้าหน้าที่บางคนถึงขนาดเอาชีวิตนั้น ยังเป็นเรื่องน่าสงสัย ที่ระบุเช่นนี้ เพราะยังไงการอยู่ในเรือนจำ กฎ ระเบียบในเรือนจำก็ยังให้อำนาจผู้บัญชาการหรือผู้คุมที่จะสามารถใช้อำนาจมากในการดำเนินการกับผู้ต้องขังได้หลากหลายมาตรการ ทั้งที่ถูกต้อง และไม่ถูกต้อง การไปพบแพทย์หรือข้อมูลอื่นที่ถูกทำร้ายก็ไม่น่าจะถูกกดดันให้ลงมือจบชีวิตด้วยตัวเอง ประเด็นเหล่านี้หากไม่มีความชัดเจนหรือยังไม่พบความจริงก็เป็นเรื่องที่ลำบากที่จะระบุถึงแรงจูงใจที่มีน้ำหนักพอที่จะเชื่อว่า นำไปสู่การลงมือฆ่าเช่นกัน

...

วิเคราะห์ใครได้-เสีย หลังเกิดเหตุ

ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ มองว่า เงื่อนไขในแง่อาชญาวิทยาจะไม่ละทิ้งในการพิเคราะห์ถึงว่าใครได้หรือเสียประโยชน์จากการเสียชีวิตหรือไม่ การพิจารณาการได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องของทรัพย์สินเท่านั้น อาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับความลับหรือตัวบุคคลนั้นรู้เห็น มีการกุมความลับอะไรบางอย่าง หากเปิดเผยออกมาแล้วอาจส่งผลให้บุคคลนั้นสูญเสียประโยชน์จำนวนมหาศาลหรือเสียชื่อเสียงหรือกระทบสิ่งใดก็อาจเป็นได้ จึงต้องพิจารณาในส่วนนี้ด้วยเพราะอาจช่วยไขความลับว่าเป็นฆาตกรรมอำพรางด้วยหรือไม่

การเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้นั้นได้สร้างความสงสัยในประเด็นต่างๆ ให้กับสังคม ต้องมีกระบวนการค้นหาความจริง พยายามพิสูจน์ทราบ หากประเด็นใดมีความชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผ้าขนหนู ซึ่งสังคมมีข้อสงสัยว่า ถ้าจะใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กมากในการฆ่าตัวตาย ทำไมไม่ใช้เสื้อซึ่งมีความยาวมากกว่าและมีความเป็นไปได้มากกว่า เหตุใดกล้อง CCTV ที่อยู่บริเวณดังกล่าวถึงเสีย หรือความขัดแย้งกับผู้คุมรวมถึงการรายงานความกระด้างกระเดื่อง

...

การระบุว่าผู้กำกับโจ้ไม่ได้เป็นคนขอย้ายเข้าไปขังเดี่ยว เหล่านี้ รวมทั้งประเด็นข้อสงสัยอื่นๆ ในเรื่องของบาดแผลร่องรอยต่างๆ นั้นจำเป็นจะต้องมีการรวบรวมข้อสงสัยเหล่านั้นและมาดำเนินการเปิดเผยพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ทราบเพื่อแก้สงสัยให้แก่สังคม มิฉะนั้นจะกระทบถึงระบบ

กระบวนการยุติธรรม ซึ่งสั่นคลอนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำในสังคมไทยในปัจจุบัน ที่สะท้อนถึงไม่เพียงแต่ผู้กระทำความผิดไม่สามารถถูกดำเนินคดีไปจนถึงการไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความผิดลดลงแต่มีการกระทำความผิดซ้ำมากขึ้นซึ่งเป็นความบกพร่องในกระบวนการยุติธรรมที่มีมาตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำและอาจจะต้องแก้ไขในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมปลายน้ำต่อไปด้วย