ประเด็นร้อนเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สถานการณ์ความตึงเครียดจะผ่อนคลายลงไปพอสมควรแล้ว หลังจากมีการปรับกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย และเตรียมเข้าสู่การเจรจาในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา แต่หากย้อนไปดูบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา มี 2 ฉบับสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขตแดน คือ MOU 2543 และ MOU 2544 ที่เริ่มดำเนินการในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และยังคงยึดถือกันมาจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลาเกิน 20 ปีแล้ว
MOU 2543
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก
เป็นการกำหนดแนวทางร่วมกันในการสำรวจและจัดทำหลักเกณฑ์แดนทางบกระหว่าง 2 ประเทศ ยึดหลักตามสนธิสัญญาเดิมระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1904 และ 1907 จนนำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อใช้เป็นกลไกในการเจรจา
เริ่มลงนามเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 โดยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รมว.การต่างประเทศ (สมัยนั้น) แม้จะไม่ใช่สนธิสัญญาและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเขตแดนแต่พบว่าในช่วง 25 ปีที่ผ่านมากัมพูชามีการละเมิดข้อตกลงหลายร้อยครั้ง โดยเฉพาะการปรับสภาพพื้นที่ชายแดน ซึ่งฝ่ายไทยได้มีการประท้วงและขอให้แก้ไขอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกที่ได้สร้างเอาไว้
...
ความขัดแย้งล่าสุดเกิดจากการประทะกันที่บริเวณช่องบกเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้หลังจากนั้นเกิดความตึงเครียดเป็นอย่างมาก มีการปลุกกระแสชาตินิยม การเตรียมพร้อมของกองทัพ และมีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาเตรียมยื่นเรื่องไปถึงศาลโลก ซึ่งฝั่งไทยก็ยืนยันว่าไม่ยอมรับเกี่ยวกับเขตอำนาจศาลโลกด้วยเช่นกัน รวมทั้งมีการตอบโต้ผ่านการปิดด่านและจำกัดวันพำนักของ การข้ามแดนเหลือเพียง 7 วันเท่ากันของทั้ง 2 ประเทศ
MOU 2544
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
MOU 2543 เป็นบันทึกข้อตกลงที่มุ่งเน้นความมั่นคงและอธิปไตย ส่วน MOU 2544 นั้น เป็นมิติของ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ไม่ได้เป็นการกำหนดเขตแดนแต่เป็นช่องทางเพื่อให้มีการเจรจาร่วมกันเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ใต้ท้องทะเลในพื้นที่ดังกล่าว
ลงนามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 โดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.พลังงาน (สมัยนั้น) เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือในการสำรวจพัฒนาทรัพยากรในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (Joint Development Area: JDA) กว่า 26,000 ตารางกิโลเมตร
โดย MOU ฉบับนี้ เคยถูกยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เมื่อปี 2552 ก่อนในรัฐบาลต่อมา ยังคงถือว่าเอกสารดังกล่าวมีผลอยู่ และได้ริเริ่มจัดตั้งกลไกเจรจาภายใต้ชื่อ คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเตรียมเข้าสู่ ครม. และยังไม่มีการยกเลิกอย่างเป็นทางการ
การถกเถียงเกี่ยวกับ MOU 2544 ยังเกี่ยวพันกับประเด็น “เกาะกูด” ที่บางฝ่ายกังวลว่าอาจสูญเสียอธิปไตย แต่กระทรวงต่างประเทศได้ยืนยันชัดว่าเกาะกูดยังคงเป็นของไทยโดยสมบูรณ์ โดยมีหลักฐานทางกฎหมายและประวัติศาสตร์สนับสนุน
จะเห็นได้ว่า MOU 2543 มีความละเอียดอ่อนทางการเมืองและอารมณ์มากกว่า เนื่องจากเกี่ยวข้องกับดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและความเชื่อมโยงกับเรื่องอธิปไตย ขณะที่ MOU 2544 แม้จะเป็นเรื่องของทรัพยากรและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่กลับมีความเปราะบางในเชิงความร่วมมือระยะยาว เพราะยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจนในการดำเนินการจริง