ทีมข่าว SEE TRUE ลงพื้นที่เลาะตะเข็บชายแดน 798 กิโลเมตร สำรวจเส้นแบ่งแผ่นดินไทย-กัมพูชา มรดกเลือดยุคล่าอาณานิคม ที่กลายเป็นปมขัดแย้งยาวนานมาถึงปัจจุบัน พร้อมเปิดหลักฐาน 73 หลักเขตแดน กัมพูชาพยายามรุกล้ำ (อ่านตอนที่ 1 : เลาะตะเข็บชายแดน 798 กม. สำรวจเส้นแบ่งแผ่นดิน มรดกเลือด “ไทย-กัมพูชา”)
บริเวณเทือกเขาพนมดงรัก บริเวณ "ช่องโอบก" ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นหนึ่งในจุดที่มองเห็นลักษณะภูมิประเทศไทยและกัมพูชาได้ค่อนข้างชัดเจน ที่นี่เคยเป็นสมรภูมิรบอย่างดุเดือดระหว่างทหารไทยกับเวียดนาม เมื่อปี 2528 ปี 2529 และปี 2531 ซึ่งเป็นช่วงที่กองทัพเวียดนามยังคงกำลังไว้ในกัมพูชา หลังเข้ายึดครองตั้งแต่ปี 2522 ปัจจุบันยังมี “กับระเบิด” จากการสู้รบที่ยังไม่ได้เก็บกู้ ปรากฏให้เห็นใกล้ทางเดิน
ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 216 พาสำรวจบริเวณช่องโอบก ซึ่งมีช่องทางธรรมชาติที่เคยเปิดให้ชาวกัมพูชาผ่านเข้ามาซื้อขายสินค้าได้ แต่ปัจจุบันได้สั่งห้ามเข้ามาแล้ว โดยทหารกัมพูชาจะอ้างว่าบริเวณทางขึ้นนี้เป็นพื้นที่ของกัมพูชา และพยายามจะขึ้นมาในบริเวณที่ไทยกั้นรั้วด้วยหีบเพลงลวดหนามไว้
...
ขณะที่อีกฟากหนึ่ง ทีมข่าว SEE TRUE ได้เดินทางไปกับตำรวจตระเวนชายแดนและหน่วยเฉพาะกิจตาพระยา ไปยังบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งติดกับหมู่บ้านในจังหวัดบันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ไปยังหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา หลักที่ 45 ที่ยังคงตั้งตระหง่านยืนยง แม้จะผ่านกาลเวลามาหลายยุคสมัย คมรอยกระสุนปืนที่ประทับไว้บนหลักเขตแดนที่ 45 เกิดขึ้นมากที่สุดในช่วงสงครามภายในของกัมพูชา นับจากปี 2522 ถึงปี 2534
สงครามครั้งนั้นไม่ได้ส่งผลเฉพาะชาวกัมพูชา และยังทิ้งบาดแผลไว้ให้กับคนไทยตามแนวชายแดน อย่างเช่นลุงจ๋อย ศรีชา ที่สูญเสียขาซ้ายจากกับระเบิด ความเจ็บปวดกลายเป็นคราบน้ำตาจากสงคราม ที่ลุงจ๋อยไม่อยากให้เกิดการสู้รบซ้ำรอยอดีตอีก เพราะผลกระทบจะเกิดกับคนชายแดน
“เขากวาดล้างที่เขมรเสรีอะไรมาอยู่ตามแนวชายแดน รัฐบาลของฮุนเซนนี่แหละกวาดล้างแนวที่หลงเหลือจากเขมรแดงมาก่อน แต่เพราะว่าเขาไม่มีอาวุธ ก็ไม่ใช่เขมรแดง เป็นประชาชนทั่วไป ก็มีการสร้างศูนย์อพยพ แต่รัฐบาลจะกวาดล้างต้อนให้เขาไปเป็นทหาร แต่ทางนี้ไม่ยอมก็เลยต่อสู้กัน พอเสร็จแล้วประมาณอีก 7 เดือน ผมถึงเข้าไป ข้ามคลองยุทธศาสตร์ไปในเขตพื้นที่ของเรานะ ก็ไปหากินตามทุ่งนา แล้วไปเหยียบกับระเบิด เพราะถึงเขาล่าถอยไปแต่ก็วางกับระเบิดไว้”
“ผมได้รับผลกระทบจากเศษขยะจากสงคราม ไม่ใช่ว่าใครจ้องทำร้ายผม แต่เป็นเพราะสงคราม คราวนี้ผมเลยไม่อยากให้เกิดสงครามอย่างนั้นอีก ไม่อยากให้เกิดแบบผมอีก เพราะหากมีสงคราม เรื่องกับระเบิดต้องมีแน่นอน กระสุนปืนใหญ่ที่ด้านต้องกลับมาระเบิดแน่นอน ประชาชนก็ได้รับความเดือดร้อน ถ้าไม่มีสงครามได้จะดีที่สุด ถ้าเราพยายามประนีประนอมไกล่เกลี่ยกันซะ อย่างเขมรในหมู่บ้านนี้เขาก็เป็นเพื่อนบ้านของผม พูดง่ายๆ ก็เหมือนเรากินข้าวหม้อเดียวกัน ตลาดเดียวกัน หม้อข้าวหม้อแกงอันเดียวกันด้วยซ้ำ เพียงแต่พรมแดนมากีดกั้นเราเท่านั้น” ลุงจ๋อย กล่าว
หนึ่งในจุดที่เคยเป็นศูนย์อพยพสมัยสงครามกลางเมืองกัมพูชา คือบริเวณเขาตาง็อก ตำบลคลองไก่เถื่อน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ซึ่งบางส่วนที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนกัน เพราะยึดแผนที่คนละฉบับ
เมื่อเดินทางต่อไปยังสุดชายแดนด้านตะวันออก ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ซึ่งอยู่ติดกับบ้านจามเยียม จังหวัดเกาะกง กัมพูชา ที่นี่มีหลักเขตแดนที่ 73 ซึ่งเป็นหลักเขตสุดท้ายตั้งอยู่แต่ว่าตอนนี้เข้าไปดูไม่ได้ โดยอดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านหาดเล็กบอกว่า ที่นี่เคยมีปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อน เพราะไทยจะสร้างด่านตรงหลักเขตแดน แต่กัมพูชาไม่ยอม
การเดินทางเลียบชายแดนกัมพูชา ระยะทางเกือบพันกิโลเมตร ของ SEE TRUE เพื่อให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากเส้นแบ่งแผ่นดิน 798 กิโลเมตรจากยุคล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่ได้กลายเป็นมรดกเลือดระหว่างไทยกับกัมพูชามาหลายทศวรรษ พบว่า นอกจากพื้นที่พิพาทสามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ที่กัมพูชายื่นเรื่องต่อศาลโลกและยูเอ็นแล้ว ยังมีพื้นที่อื่นอีกอย่างน้อย 9 จุด ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และยังไม่เป็นที่ยุติ
...
กัมพูชายึดมั่นในแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่มีความแม่นยำน้อยกว่าแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 หนทางที่น่าจะเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย คือ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ที่จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2540 ในการลงพื้นที่สำรวจหลักเขตแดน เส้นเขตแดน ในภูมิประเทศจริง ใช้เทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลด้วยเลเซอร์ที่แม่นยำ
ประการสำคัญ กัมพูชาต้องเคารพกฎ กติกา หาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่หาเรื่องสร้างกระแสรุกล้ำเขตแดนไทยแบบรายวัน และนี่คือคำตอบ “อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้"
ติดตามได้ในภารกิจ SEE TRUE ให้คุณเห็นความจริง ติดตามต่อเนื่องตั้งแต่ 14-16 ก.ค. 68 ทางรายการไทยรัฐนิวส์โชว์ หลังเวลา 21.00 น.