เปิด 2 ประเด็น "กัมพูชา" ยังไม่ตอบรับไทย หลังเจรจา 13 ข้อหยุดยิง GBC "นักวิชาการ" ประเมินไทยยังตรึงกำลังต่อ กัมพูชา พร้อมฝ่าฝืนข้อตกลง หลังไทยควบคุมได้ 11 พื้นที่ ชี้เงื่อนไข ปราบสแกมเมอร์-กู้ทุ่นระเบิด ไทยเดินเกมรุก ทลายแหล่งทุนตระกูลฮุน
วันนี้ (7 ส.ค.68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (GBC) หลังเดินทางไปพบตัวแทนฝ่ายกัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีตัวแทนของจีนและอเมริกา เข้าร่วมสังเกตการณ์
...
โดยมีความเห็นร่วมกันในการหยุดยิง และไม่โจมตีพลเรือน รวมถึงไม่เพิ่มกำลังทหารของแต่ละฝ่าย แต่ก็มีประเด็นที่ฝ่ายไทย นำเสนอในที่ประชุม แต่กัมพูชายังไม่ตอบรับคือ 1.การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ปัจจัยทำให้ชายแดนตึงเครียด ไทยพร้อมร่วมมือเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน 2.ปราบสแกมเมอร์ ร่วมมือปราบอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ หลอกคนไทยและประเทศอื่นในภูมิภาค
ขณะเดียวกันที่ประชุมมีมติ ให้จัดการประชุม GBC ในหนึ่งเดือนหลัง 7 ส.ค.68 (สถานที่จะตกลงกันภายหลัง) หรือมิเช่นนั้นการประชุม GBC วิสามัญ จะถูกจัดขึ้นเพื่อเจรจาการหยุดยิง
รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ผลจากการเจรจา GBC ไทย-กัมพูชา ว่า ผลจากการเจรจาในภาพรวมถือเป็นการบริหารจัดการความขัดแย้ง แต่ไทยยังประมาทไม่ได้กับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และการเสริมกำลังทางทหารของกัมพูชาที่ปัจจุบันยังมีอยู่
ผลสรุปข้อตกลง เป็นการนำข้อตกลงทั้ง 7 ข้อที่แม่ทัพของทั้งสองฝ่ายได้ทำการตกลงก่อนหน้านี้ แต่ก็มีบางข้อที่กัมพูชา เว้นวรรคไว้ แต่การตรึงกำลังชายแดนของทหารไทยและกัมพูชา ยังต้องดำเนินการต่อไป ตามความได้เปรียบทางภูมิประเทศในความเป็นจริง แต่การจะแก้ปัญหาในเชิงเทคนิคการปักปันเขตแดนใหม่ จะต้องไปดูในการประชุมครั้งถัดไป โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย (JBC) ไทย – กัมพูชา
“ถ้าวิเคราะห์กันในสถานการณ์จริง น่าจะยังมีการฝ่าฝืนข้อตกลงอยู่ เนื่องจากมีความผกผันของฝั่งทหาร ที่เกิดขึ้นจริง เช่นไม่กี่วันก่อนหน้านี้ กัมพูชา มีการขยายระยะเวลาการเกณฑ์ทหาร และมีแรงงานจำนวนมากในไทยกลับไปกัมพูชา”
ขณะนี้กำลังทหารกัมพูชา ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีสานใต้ของไทยก็มีการเพิ่มจำนวนมาก และเป็นไปไม่ได้เลยที่กัมพูชา ละเลยปฏิบัติการกำลังทางทหาร เนื่องจาก 11 พื้นที่ที่ทหารไทยยึดได้ ทางกัมพูชา สูญเสียพื้นที่มาก เลยเป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายกัมพูชา จะหยุดนิ่ง
ตอนนี้ความตึงเครียดริมชายแดนเริ่มผ่อนคลาย แล้วฝ่ายไทยค่อนข้างได้เปรียบ และต่อไปถ้ามีการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก็จะทำให้เริ่มมีการผ่อนผันในการเปิดด่านไทย-กัมพูชา มากขึ้น รวมถึงต้องเรียกทูตกลับมาประจำสถานทูต
...
2 ประเด็น กัมพูชา ยังไม่ยอมรับเงื่อนไข
ในการแถลงข่าว พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึง 2 ประเด็นที่ทางกัมพูชา ยังไม่ตอบรับคือ 1.การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ปัจจัยทำให้ชายแดนตึงเครียด ไทยพร้อมร่วมมือเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน 2.ปราบสแกมเมอร์ ร่วมมือปราบอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ หลอกคนไทยและประเทศอื่นในภูมิภาค
รศ.ดร. ดุลยภาค มองว่า การปราบสแกมเมอร์ ที่กัมพูชา ยังไม่ตอบรับเนื่องจาก อาจถูกมองว่าเป็นภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ในระดับโลก ในเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ จะทำให้ภาพลักษณ์กัมพูชา ติดลบในสายตาชาวโลก และเหมือนกัมพูชา ไปยอมรับแล้วติดกับดักของไทย ประกอบกับที่ผ่านมา ไทยประกาศตัวว่าเป็นศูนย์กลางในการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งถ้ากัมพูชา ตอบรับ จะทำให้ภาพลักษณ์ของไทย เป็นพระเอกในเวทีโลกมากขึ้น ส่วนกัมพูชา จะกลายเป็นผู้ร้าย
...
ประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่กัมพูชา ยังไม่ได้ตอบรับ เพราะถ้ากัมพูชาตอบรับก็จะเข้าตัว และทำให้ชาวโลกเห็นว่ากัมพูชา ขัดกับอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจนและรุนแรง ขณะเดียวกันถ้าปล่อยให้ทุ่นระเบิดที่ฝังไว้คาอยู่ ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้ทหารไทยรุกคืบเข้ามาได้
ถ้ามองความขัดแย้งในอนาคต ถ้าไทยควบคุมกำลังให้อยู่ในพื้นที่ล่าสุดได้ ก็เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างน่าพอใจ ส่วนการเก็บกวาดทุ่นระเบิดจะต้องใช้เวลา แต่อาจจะต้องเร่งฟ้องกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อเอาผิดฮุนเซนและฮุนมาเนต ในการเป็นผู้สั่งการโจมตีประชาชนผู้บริสุทธิ์ของไทยมากกว่า
นับจากนี้ไทยควรมียุทธศาสตร์กัมพูชา ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันเท่าที่เงื่อนไข และสถานการณ์จะเอื้ออำนวย แต่อีกมุมหนึ่งก็อย่าลืมว่า กัมพูชา ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะมีการก่อภัยคุกคามมาสู่ประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาค ดังนั้นไทยควรมียุทธศาสตร์คู่ขนานในการตรึงกัมพูชา ให้อยู่กับที่ ด้วยการสกัดกั้นกองกำลังของผู้นำกัมพูชา ที่จะเข้ามาทำร้ายคนไทยอย่างครั้งที่ผ่านมา
เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา
...
มีสาระสำคัญดังนี้
1. ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหารในทุกพื้นที่และทุกกรณี
2. รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค. 68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย
3. ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
4. ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค. 68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน
5. ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี
6. การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ
7. กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์
8. เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้
8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่
8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์นับจากการประชุม GBC ใน 7 ส.ค. 68
8.3 ดำรงช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยตรงระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ
9. งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอม
ส่วนที่ 2 กลไกตรวจสอบการหยุดยิง
10. ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการตามผลหารือเมื่อ 28 ก.ค. 68 ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงและการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน นำโดยมาเลเซีย
11. เห็นชอบให้ RBC ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยมาเลเซียเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ โดย RBC จะพบกันเป็นประจำ และส่งรายงานให้ GBC ตามสายการบังคับบัญชาของแต่ละฝ่าย
12. ในระหว่างการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนที่มีมาเลเซียเป็นผู้นำ จะใช้กลไกคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียน ประจำประเทศไทย และกัมพูชา ทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว
ส่วนที่ 3 การประชุม GBC
13. ให้จัดการประชุม GBC ในหนึ่งเดือนหลัง 7 ส.ค. 68 (สถานที่จะตกลงกันภายหลัง) หรือมิเช่นนั้นการประชุม GBC วิสามัญจะถูกจัดขึ้นเพื่อเจรจาการหยุดยิง