ในปี 2568 นี้ กำลังจะครบ 20 ปีของการทดสอบระดับชาติ สนาม O-NET (โอเน็ต) หรือ Ordinary National Educational Test จัดโดย สถาบันทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ (สทศ.) ในทุกปีการศึกษา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งมีค่าเฉลี่ยการใช้งบประมาณจัดสอบปีละกว่า 400 ล้านบาท แต่คะแนนภาพรวมกลับลดลงเรื่อยๆ นำมาสู่การตั้งคำถามว่า O-NET ควรไปต่อหรือพอแค่นี้ สำหรับโลกการศึกษายุคใหม่ ในการยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติใหม่ในปีนี้


หากนำข้อมูลเฉพาะการศึกษาภาคบังคับ 12 ปี จะมีนักเรียนที่ระดับชั้น ป.6 และ ม.3 ที่ต้องเข้าร่วมการสอบในแต่ละปีระดับชั้นละประมาณ 700,000 คน ยกเว้นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ปี 2563-2564 ที่หายไปเกือบ 300,000 คน โดยตั้งแต่ปี 2565 การสอบโอเน็ตจะไม่ได้บังคับ แต่ปรับมาเป็นทางเลือก ทำให้นักเรียนระดับชั้น ป.6 มีค่าเฉลี่ยการเข้าสอบปีละราว 600,000 คน และ ม.3 ปีละราว 400,000 คน แม้จะไม่บังคับแล้ว แต่จะพบว่าตัวเลขผู้เข้าสอบยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนว่า โรงเรียนและผู้ปกครองยังให้ความสำคัญเพื่อใช้ประเมินผลการเรียนรวมถึงวางแผนการศึกษาต่อด้วย แม้ความจริงแล้ว O-NET อาจไม่ได้วัดอะไรเลย

กราฟจำนวนผู้เข้าสอบ O-NET ระดับชั้น ป.6 และ ม.3 ใน 7 ปีหลังสุด
กราฟจำนวนผู้เข้าสอบ O-NET ระดับชั้น ป.6 และ ม.3 ใน 7 ปีหลังสุด

...


เด็กไทยยิ่งเรียนยิ่งแย่?


คำถามที่ชวนคิดว่า ผลลัพธ์ทางการศึกษาของเด็กนักเรียนไทยมีพัฒนาการเป็นอย่างไร หากนำค่าเฉลี่ยผลลัพธ์การทดสอบ O-NET ของนักเรียนไทยในแต่ละรุ่นมาเปรียบเทียบกันให้เห็นภาพ เช่น DEK68 (รุ่นที่เข้ามหาวิทยาลัยปีการศึกษา 2568) จะเป็นรุ่นที่เข้าทดสอบโอเน็ตระดับชั้น ป.6 ในปีการศึกษา 2561 และระดับชั้น ม.3 ในปีการศึกษา 2564


เมื่อนำผลลัพธ์ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ DEK68-71 ที่ผ่านการทดสอบล่าสุด จะพบว่า ทุกรุ่นมีคะแนนเฉลี่ยจากระดับชั้น ป.6 ไปสู่ ม.3 ลดลงทั้งหมดในทุกวิชา ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ


วิชาที่ค่าเฉลี่ยสูงที่สุดชัดเจนคือ "ภาษาไทย" ในระดับชั้น ป.6 นักเรียนทั้ง 4 รุ่น ค่าเฉลี่ยคะแนนใกล้ 60 คะแนน ขณะที่พอมาสอบในระดับชั้น ม.3 แต่ละรุ่นคะแนนลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ยราว 50 คะแนน และเป็นวิชาเดียวที่ผ่านเกณฑ์ครึ่งหนึ่งของการทดสอบ


ขณะที่วิชาที่ค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ได้แก่ "คณิตศาสตร์"  ทุกรุ่น ทุกระดับชั้น ได้ไม่ถึง 40 คะแนน โดยเมื่อสอบในระดับชั้น ป.6 ทั้ง 4 รุ่น ได้ราว 35 คะแนน พอขยับขึ้นมาเรียนระดับชั้น ม.3 กลับได้คะแนนลดลงอย่างน่าตกใจ ค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดไม่ถึง 25 คะแนน


หากมองว่า O-NET คือ การทดสอบที่วัดความรู้ตามหลักสูตรที่เที่ยงตรงที่สุด นั่นอาจหมายความว่า เด็กไทยยิ่งเรียน ผลลัพธ์ยิ่งแย่ลงไปใช้หรือไม่ เพราะไม่มีวิชาใด รุ่นใด ที่มีคะแนนดีขึ้น เมื่อยิ่งเติบโตขึ้นเลย หรือการทดสอบอาจไม่ตอบโจทย์การวัดผลกันแน่


เปรียบเทียบคะแนนของนักเรียนแต่ละรุ่น จาก ป.6 สู่ ม.3 4 รุ่นล่าสุด
เปรียบเทียบคะแนนของนักเรียนแต่ละรุ่น จาก ป.6 สู่ ม.3 4 รุ่นล่าสุด


20 ปีสอบ O-NET ไปต่อหรือพอแค่นี้


ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดในประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ขณะนั้น) ได้ทำหนังสือถึง สทศ. ให้ยกเลิกการสอบ O-NET ตั้งแต่ปลายปี 2563 เนื่องจากการสอนของแต่ละโรงเรียนประสิทธิภาพไม่เท่ากัน แต่ สทศ. ก็ยังเดินหน้าสอบ ก่อนได้ข้อสรุปและเริ่มใช้ในปี 2565 ให้การสอบเป็นสิทธิของนักเรียนตามความสมัครใจ ขณะที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ปรับหลักเกณฑ์ให้ไม่ต้องใช้คะแนน O-NET ประกอบการรับเข้าศึกษาต่อในระดับชั้น ม.1 และ ม.4 อีกต่อไป จึงทำให้แรงดึงดูดของการทดสอบมีน้อยลง ตามตัวเลขที่ปรากฏอย่างชัดเจน แม้เด็กส่วนใหญ่ยังจะเลือกเข้าสอบตามคำแนะนำของโรงเรียนและผู้ปกครองก็ตาม

...


นอกจากนี้  ยังมีอีกหลายเหตุผลที่นักวิชาการด้านการศึกษามองเห็นถึงช่องโหว่ของการทดสอบ O-NET อาทิ การทดสอบมุ่งวัดและจัดอันดับนักเรียนและโรงเรียน โดยไม่ได้ตอบโจทย์การประเมินผลหลักสูตร หรือความสามารถในการใช้ชีวิตของนักเรียนที่แท้จริง ต่างกับในหลายประเทศที่เลิกใช้การสอบวัดนักเรียนแบบนี้ไปแล้ว 


อีกทั้งเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพราะจากข้อมูล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า มีคะแนนที่ตกต่ำกว่าพื้นที่อื่น ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และวิถีชีวิตที่ไม่ได้เหมือนกับคนไทยส่วนใหญ่ในประเทศ การใช้ข้อสอบชุดเดียววัดผลทุกคน อาจจะไม่ประสบความสำเร็จแล้วในการศึกษายุคใหม่


บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Data Journalism for Investigative Reporting โดยความร่วมมือของทีม D.E.T.A. และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต CC BY 4.0 ดูผลงานต้นฉบับได้ที่ https://tja.or.th/view/thailand-data-journalism-network-tdj/1455321 และเว็บไซต์แสดงผลงาน https://why-onet-matter.odds.team


โดยทีม D.E.T.A. ได้เสนอให้ทบทวนบทบาทของการจัดสอบ O-NET ต่อไปในอนาคต ในการยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ให้คุ้มค่าต่องบประมาณที่ใช้ และเหมาะสมต่อการทดสอบระดับชาติ ที่ลดความเหลื่อมล้ำ และมุ่งเน้นแค่การจัดอันดับนักเรียนเพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังเสนอให้พัฒนารูปแบบการทดสอบให้เน้นการวัดที่ความเข้าใจ (Literacy-based) ด้วย

...