ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า “อินโดนีเซีย” กำลังจะย้ายเมืองหลวงจาก “จาการ์ตา” บนเกาะสุมาตรา มาอยู่ที่ “นูซันตารา” บนเกาะบอร์เนียว เป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวสำหรับเกาะนี้ที่นอกจากมีอินโดนีเซียแล้ว ยังมีมาเลเซียและบรูไนอยู่ด้วย


ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ร่วมเดินทางกับสภาอุตสาหกรรม หลังพานักลงทุนไทยไปสำรวจโอกาสและความพร้อมสำหรับการลงทุนในพื้นที่เกาะบอร์เนียว ในส่วนของประเทศมาเลเซีย และบรูไน ได้พบเจอกับนักธุรกิจ ภาคเอกชน หอการค้า โลจิสติกส์ หวังเจาะตลาดใหม่ในพื้นที่อาเซียนที่นักลงทุนไทยยังมองข้ามไป


วรวรรณ วรรณวิล อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ กล่าวว่า เกาะบอร์เนียวในส่วนของมาเลเซีย ทั้งรัฐซาบาห์ (Sabah) และซาราวัก (Sarawak) เริ่มเนื้อหอมขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยยกเครดิตให้รัฐบาลที่นำโดย นายอันวาร์ อิบราฮิม ที่ใช้เวลาทำนโยบายไว้เพียงแค่ปีกว่าเท่านั้น


สำหรับนักลงทุนจากไทยเริ่มมาลงทุนที่มาเลเซียนานมากแล้ว โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ในตลาด เช่น CP เมื่อ 52 ปีที่แล้ว รวมถึง ปตท. SCG และธนาคารกรุงเทพ (Investment Bank) ส่วนขนาดกลาง จะเป็น Chain Restaurant หรือแฟรนไชส์ต่างๆ และขนาดเล็กจะเป็นแค่กลุ่มร้านอาหารย่อย จะสังเกตเห็นว่า จะไม่ได้มาลงทุนตั้งโรงงาน อย่างมากที่สุดจะเป็นลักษณะ OEM


แผนที่แสดงพื้นที่เกาะบอร์เนียว
แผนที่แสดงพื้นที่เกาะบอร์เนียว

...



คนมาเลย์รักเมืองไทย ต้นทุนที่ถูกมองข้าม


นายวรวรรณ กล่าวว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคนไทยรู้จักมาเลเซียรวมถึงเกาะบอร์เนียวน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อคิดอยากจะออกไปเที่ยวเมืองนอก ส่วนใหญ่จะมองไปที่จีน ญี่ปุ่น หรือฝั่งยุโรป และหากงบไม่มากก็จะเลือกไปที่สิงคโปร์ หรือเวียดนามแทน โดยจะมองข้ามมาเลเซียไป ซึ่งตนเองมองว่าที่นี่ก็มีจุดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะจุดแข็งที่สำคัญคือ คนมาเลย์รักความเป็นไทย รักคนไทย เสพสื่อไทยทั้งเพลง ภาพยนตร์ และดนตรีจากไทย ตลาดในเกาะบอร์เนียวที่พร้อมซื้อของไทยด้วยความชื่นชอบ นี่จึงเป็นต้นทุนที่ดีสำหรับนักลงทุนไทย แต่ที่ผ่านมาที่เห็นสินค้าไทยวางขายที่นี่ ไม่ได้เป็นเพราะนักลงทุนไทยนำเข้ามา แต่กลับเป็นนักธุรกิจท้องถิ่นที่บินข้ามทะเลไปที่ไทยเพื่อดีลให้มาวางขายที่นี่แทน 


"ถ้าแบรนด์หนึ่งอยากส่งออก จะส่งไปจีน ญี่ปุ่น เกาหลี แต่จริงๆ แล้วมาใกล้แค่นี้ง่ายมาก เป็นเสือนอนกินได้ แต่นักลงทุนไทยกลับมองข้ามที่นี่ไป" นายวรวรรณ กล่าว


ส่วนธุรกิจที่นายวรวรรณมองว่า มีโอกาสเกิดโตที่นี่คือ กลุ่ม F&B (อาหารและเครื่องดื่ม) ของตกแต่งบ้าน ไลฟ์สไตล์ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ก่อนหน้านี้มีโอกาสดึงแบรนด์กระเป๋าแบรนด์หนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมกันในเทรนด์ในไทยมาออกบูธที่มาเลเซีย ปรากฏว่าผลตอบรับดีเกินคาด มีคนมาต่อคิวรอซื้อกระเป๋าตั้งแต่ตี 4 


นายวรวรรณ ยังมองว่าปัญหาที่สำคัญคือ คนไทยมีความรู้เกี่ยวกับมาเลเซียน้อยมาก ที่ผ่านมาอาจจะรู้จักฝั่งตะวันตกที่มีเมืองหลวงคือ กัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) บ้าง แต่ถ้าถามถึงเกาะบอร์เนียว ความรู้เกือบเป็นศูนย์เลย บางคนอาจจะรู้จักว่ามีเกาะใหญ่ๆ อยู่ในแผนที่เท่านั้น จึงเป็นอุปสรรคที่ทำให้นักลงทุนมองข้ามโอกาสที่นี่ไป ในทางตรงกันข้าม คนที่นี่รู้จักเมืองไทยเยอะมาก รู้ถึงบริบทภายในอย่างลึกซึ้ง แม้กระทั่งข่าวดังที่เกิดขึ้นในบ้านเรา


"เขารู้จักเราถึงไส้ถึงพุงหมดเลย แต่เราไม่รู้จักอะไรเขาเลย ถ้าหากรบกันเราคงจะแพ้" นายวรวรรณ กล่าว


จุดแข็ง "มาเลเซีย" เหนือเพื่อนบ้านอาเซียน


นายวรวรรณ มองว่า เวลาคนไทยพูดถึงการส่งเสริมการค้าการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน มักจะพูดถึง CLMV 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ผ่านมาใช้แรงเยอะมากกับกลุ่มประเทศที่มีกำลังซื้อน้อย และรัฐบาลไม่มีความมั่นคง โดยทั้ง 4 ชาติที่กล่าวมา มีทั้งศึกในและศึกนอก ตรงกันข้ามกับการเมืองในมาเลเซียที่ค่อนข้างนิ่ง ไม่มีแรงต้านจากรอบทิศทางมากนัก แต่กลับไม่ค่อยได้รับการผูกมิตรจากไทยมากเท่าไหร่


เมื่อเจาะไปที่กลุ่มประชากรในประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะ 2 รัฐในเกาะบอร์เนียว คือ ซาบาห์ และซาราวัก จะพบว่ามีอัตราเกิดเยอะ และมีอัตราส่วนคนหนุ่มสาวเจเนเรชั่นใหม่เยอะ ตรงกันข้ามกับประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย แม้แต่ฝั่งตะวันตกเองก็มีสัดส่วนคนหนุ่มสาวที่สูงกว่าไทย โดยส่วนหนึ่งจะสังเกตได้จาก เทรนด์ที่กำลังฮิตในไทย รอเพียง 2-3 เดือน ก็จะตามมาเป็นที่นิยมที่นี่ด้วยเช่นกัน เช่น ช็อกโกแลตดูไบ ตามกระแสไทย จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่เป็นโอกาสขยายตลาดเวฟ 2 ต่อจากเมืองไทยได้ โดยสิ่งเหล่านี้มาจากการเสพสื่อไทย และคนที่นี่ชอบไปเที่ยวที่ประเทศไทย ประกอบกับการมีหัวการค้าที่ดึงเทรนด์เข้ามาในบ้านตัวเอง รวมถึงแรงส่งเสริมจากโซเชียลมีเดียด้วย


สำหรับโครงสร้างพื้นฐานในมาเลเซียก็มีความน่าสนใจ ค่าน้ำและค่าไฟถูกกว่าไทย แม้ว่าค่าจ้างคนงานจะสูงกว่าไทย แต่อย่างน้อยแรงงานที่นี่ก็พูดได้ 2 ภาษา และมีศักยภาพสูงด้วย 

...



ตลาดใหม่ที่นักลงทุนต้องเข้าหา


"เราพึ่งพาการส่งออกในตลาดเดิมๆ อย่าง CLMV หรือส่งไปยุโรป สหรัฐอเมริกา พอเจอภาษีทรัมป์ มีแต่คนพูดว่าต้องหาตลาดใหม่ แต่ยังไม่เห็นใครทำเลย ไหนล่ะ..ตลาดใหม่" วรวรรณ กล่าว และมองว่า มาเลเซียเป็นของดีใกล้ตัวที่มีความชื่นชอบเมืองไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงพร้อมจะซื้อของจากไทย แต่คนไทยต่างหากที่ไม่ได้ชายตามองเลย ต่างกับแรงดึงดูดจากพื้นที่อื่น


นอกจากนี้ นายวรวรรณ ยังกล่าวถึง "บรูไน" ประเทศเล็กๆ ในเกาะบอร์เนียว ไม่ได้มีการค้าขายกับไทยเยอะมากนัก มีประชากรอยู่เพียง 450,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นคนรวย มีฐานะ จึงมักแก้ปัญหาด้วยการเดินทางไปไทย หรือสิงคโปร์ได้ไม่ยากนัก โดยหากทำการค้ากับพื้นที่เกาะบอร์เนียวคงต้องมองภาพรวมทั้งโซน ไม่ได้แยกเจาะไปที่บรูไนชาติเดียว 


หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ในบอร์เนียวมีคนไทยมาทำงานเยอะ เพราะค่าจ้างขั้นต่ำสมัยนั้นที่ไทยค่อนข้างต่ำ จึงมาทำงานเหมือง เกษตรที่นี่แทน พอต่อมาไทยขึ้นค่าแรงมากขึ้น คนไทยก็กลับไปทำงานที่บ้านเกิดแทน ทุกวันนี้เลยไม่ค่อยมีคนมาทำงานที่นี่เท่าไหร่แล้ว

...