เปิดไทม์ไลน์เปลี่ยนชื่ออลวน จาก “เกรียงไกร” สู่ “หลวงพ่ออลงกต” ใช้เลขบัตรประชาชนคนตายในใบสุทธิ เปิดบัญชีผูกพร้อมเพย์รับบริจาคเข้ากองทุนวัด เกิดข้อสงสัยตั้งใจสวมบัตรหรือไม่?
- ปี 2503
จากข้อมูล พบว่า “หลวงพ่ออลงกต” ชื่อเดิมคือ นายเกรียงไกร เพ็ชรแก้ว ชื่อเล่น จอร์จ เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 เป็นชาว จ.ขอนแก่น บิดาชื่อนายเสย มารดาชื่อนางนิตย์ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ลงท้ายด้วย 036-50-7 มีพี่น้องรวมทั้งหมด 6 คน
- ปี 2517 - 2520
เกรียงไกร เข้าเรียน มศ.1 -มศ. 3 ที่ รร.แก่นนครวิทยาลัย จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นที่เดียวกับ “นายอลงกต พลมุข” ข้าราชการใน จ.อยุธยา ที่เสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ.2566
นางสาวดาหวัน ทะสา ลูกพี่ลูกน้อง เปิดเผยว่า นายอลงกต พลมุข ภูมิลำเนาเป็นชาว อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เคยเรียนที่ รร.แก่นนครวิทยาลัย เนื่องจากบิดาทำงานที่ขอนแก่นในขณะนั้น แต่จำปี พ.ศ. ที่เรียนไม่ได้ แต่จากอายุคาดว่าเป็นรุ่นน้องพระอลงกต 2 ปี
...
- ปี 2521-2523
มีข้อมูลว่านายเกรียงไกร เพ็ชรแก้ว ได้เข้าศึกษาต่อระดับ ปวช.ที่เกษตรบ้านกร่าง จ.พิษณุโลก (ปัจจุบันคือ มทร.ล้านนา) แต่เรียนไม่จบ
ขณะเดียวกันปี 2523 มีรายงานว่านายเกรียงไกรติดทีมฟุตบอลเยาวชนจังหวัดขอนแก่น ไปร่วมแข่งชิงแชมป์ระดับภาค ที่ จ.นครราชสีมา เพื่อคัดเลือกไปแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย
นายณภัค นามสีฐาน อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมเยาวชนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายเกรียงไกรถูกคณะกรรมการในจังหวัดคัดเลือกมา ตอนนั้นน่าจะจบ มศ.3 แต่หลังจากแข่งที่นครราชสีมาครั้งนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีก
- ปี 2529
นายเกรียงไกร อุปสมบท ใช่ชื่อ “พระอลงกต” โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าทำไมจึงไม่ใช้ชื่อตนเอง และใบสุทธิใช้ปรากฏใช้ชื่อ หมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักที่ลงท้าย 796-46-3 และใช้ชื่อบิดา - มารดา เดียวกับ “นายอลงกต พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิต
พี่สาวคนที่ 2 ของพระอลงกต เปิดเผยว่าตอนที่บวช พระอลงกตไม่ได้บอกครอบครัว แต่มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติกันพาไปบวชเพื่อแก้เคล็ด เพื่อที่จะเริ่มต้นทำมาหากินให้ราบรื่น เพราะครอบครัวเตรียมจะไปค้าขายที่ กทม. และเมื่อบวชสมควรแก่เวลาครอบครัวก็ไปชวนให้สึก เพื่อจะได้ช่วยกันทำมาหากิน ปรากฏว่าพระไม่ขอสึก ขอเป็นพระต่อ และก็บวชพระตลอดมาตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
- ปี 2552
พระอลงกต เข้ามาทำบัตรประชาชนเป็นครั้งแรก เปลี่ยนชื่อเป็น พระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต พูลมุข) ใช้หมายเลขประจำตัวประชาชนของตัวเองที่ลงท้าย 036-50-7
- ปี 2559
ในเดือนมีนาคม พระอลงกต เข้ามาทำบัตรประชาชนเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากบัตรหมดอายุ เปลี่ยนชื่อเป็น พระอุดมประชาทร (อลงกต พูลมุข) จากนั้นในเดือนธันวาคม ได้เข้ามาทำบัตรประชาชนใหม่อีกเป็นครั้งที่ 3 เปลี่ยนชื่อกลับเป็น พระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต พูลมุข)
...
- ปี 2565
พระอลงกต มาทำบัตรประชาชนครั้งที่ 4 ใช้ชื่อเดิมแต่เปลี่ยนเป็นบัตรตลอดชีพ
- ปี 2568
พระอลงกต ถูกพบว่าใช้ชื่อและหมายเลขบัตรประชาชนตรงกับข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้ว ก่อนที่เพจดังจะลองโอนเงินไปที่บัญชีซึ่งผูกกับหมายเลข 13 หลักของผู้เสียชีวิต พบว่าเงินเข้าสู่บัญชี "กองทุนอาทรประชานาถ" ซึ่งเป็นบัญชีสำหรับรับบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ
ด้านกรมการปกครองชี้แจงยืนยันว่า นายอลงกต พลมุขที่เสียชีวิต และนายอลงกต พูลมุข หรือ พระอลงกต ใช้หมายเลข 13 หลักคนละหมายเลข แต่การเปิดพร้อมเพย์เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ ส่วนใบสุทธิพระออกโดยสำนักพุทธฯ เป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาตรวจสอบ
ต่อมา 25 ส.ค.68 ธนาคารกรุงเทพ ชี้แจงว่า หลวงพ่ออลงกตนำใบสุทธิมาใช้ประกอบการเปิดบัญชี ซึ่งในใบสุทธิมีเลข 13 หลักของนายอลงกต พลมุข อดีตข้าราชการที่เสียชีวิต ทางธนาคารไม่ทราบจึงเปิดบัญชีให้ตั้งแต่ปี 2540 กระทั่งมีการรณรงค์ให้ใช้พร้อมเพย์ในปี 2561 หลวงพ่อได้มีการเชื่อมบัญชีดังกล่าวเข้ากับพร้อมเพย์
...
แต่เมื่อมีข่าว ธนาคารได้ดำเนินการตรวจสอบย้อนหลัง พบว่าเลข 13 หลักดังกล่าวเป็นของผู้อื่น จึงได้ทำการอายัดบัญชีและยุติการใช้พร้อมเพย์แล้ว
ขณะที่ นายวีระ จำลอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า เรื่องเลขบัตรประชาชน 13 หลักของหลวงพ่ออลงกตนั้น ได้มีการสอบถามไปที่พระอุปัชฌาย์ แต่ท่านไม่ได้มีระบบเลข 13 หลักในทะเบียนพระใหม่หรือทะเบียนสัทธิวิหาริก เนื่องจากเป็นการบวชตั้งแต่ปี 2529 ในช่วงนั้นยังไม่มีทะเบียนคุมจึงไม่ปรากฏข้อมูลเลขประจำตัวประชาชน แต่ในด้านการทำธุรกรรมเงินอุดหนุนจากทางสำนักพุทธศาสนา ตอนนี้จึงมีแต่เลข 13 หลักในปัจจุบัน ซึ่งก็ไม่ตรงกับเลขประจำตัวของผู้ที่เสียชีวิต
พระมหาชานนท์ สุชาโต เลขานุการเจ้าคณะอำเภอชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พระอลงกตบวช เผยว่าบัญชีทะเบียนประวัติลัทธิวิหาริกฉบับใหม่ จะมีการบันทึกข้อมูลเลข 13 หลักของผู้อุปสมบทลงไปด้วย แต่ในสมัยก่อนในช่วงที่พระอลงกตมาบวช ยังไม่มีการแนบเอกสารประกอบ เป็นเพียงการเก็บข้อมูลถามตอบเท่านั้น ไม่ต้องมีเอกสารมายืนยันแบบทางการ