พรรคประชาชน โหวต "อนุทิน” ขีดเส้น 3 เดือนอภิปราย เปิดแผนถ้าภูมิใจไทยหักหลัง พร้อมจับมือเพื่อไทย ใช้กลไกรัฐสภาดัดหลัง

วันนี้ (5 ก.ย.68) การโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 311 เสียง  ส่วนเสียงโหวตให้แคนดีเดทจากพรรคเพื่อไทย 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ท่ามกลางข้อสงสัยเกี่ยวกับมติของพรรคประชาชน ที่มีโอกาสหรือไม่ในการจะหักหลังพรรคภูมิใจไทย ที่จะไม่เดินตามข้อตกลงที่เซ็นไว้ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาชน วิเคราะห์ว่า จากมติพรรคประชาชนที่สนับสนุนคุณ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯ ได้ประเมินจากหลายตัวแปร แต่สิ่งสำคัญการตัดสินใจรอบนี้ ไม่ได้หมายความว่าพรรคประชาชนจะจับมือกับพรรคไหน แต่เป็นเหมือนกับการขายสินค้าให้กับประชาชน หลังแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วจึงทำการยุบสภาฯ


เป้าหมายในการต้องโหวตให้พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากไม่มีทางเลือก แต่ทางพรรคต้องเลือกบุคคลที่มีความสามารถในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนจริงๆ

...

“การโหวตนายกฯ ให้ภูมิใจไทย ไม่ใช่การปล่อยเสือเข้าป่า แต่จะเป็นการทำให้เสือกลับใจก็ได้ เพราะกลุ่มการเมืองเก่าต้องการอำนาจ แต่รูปแบบของการเมืองใหม่ไม่ได้ยึดโยงกับอำนาจ แต่ยึดโยงประชาชนและประชาธิปไตย”


บรรยากาศช่วงเวลาที่สมาชิกพรรคประชาชน ตัดสินใจโหวตให้ภูมิใจไทย คะแนนค่อนข้างเหวี่ยงเป็น 3 ก๊ก โดยผลคะแนนจะโหวตให้ภูมิใจไทย ดูจากคะแนนในออนไลน์ที่ส่งมา มีผู้ที่สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ ให้พรรคเพื่อไทย เพราะคะแนนจากสมาชิกกว่าแสนคน มีถึง 2.5 หมื่น ที่เลือกพรรคภูมิใจไทย สิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจตามมติพรรค

สิ่งสำคัญคือ พรรคประชาชนไม่ได้จับมือกับภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพราะเรากำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เช่น เปิดประตูการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงต้องใช้คนที่มีความสามารถไปเปิดให้เร็ว


เมื่อสอบถามว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ในภาวะที่พรรคประชาชนเป็นฝ่ายค้าน ถ้ามีการหักหลังจะดำเนินการอย่างไร

พล.ต.ต.สุพิศาล มองว่า จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยจะต้องจับมือกับพรรคเพื่อไทย ในการโหวตไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีโอกาสที่รัฐบาลจะล้มได้ นี่ถือเป็นกลไกทางรัฐสภา เพื่อให้นายกฯ ยุบสภา หรือใช้มาตรา 151 เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในช่วงที่ครบกำหนด 4 เดือนหลังจัดตั้งรัฐบาล ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 โดยจะมีคะแนนเสียงรวมกัน 280 กว่าเสียง