เปิดด่านจันทบุรี-ตราด เงื่อนไขไทยเสียเปรียบ "อดีตสภาความมั่นคงแห่งชาติ" แนะนายกฯ ต่อรองกดดันกัมพูชา ถอยทหารอาวุธหนัก ขีดเส้นวันเวลาชัดเจน มัดรวมทุกวงประชุมในรอบเดียว ไม่ใช่ประชุมไปเรื่อยๆ จนประเทศที่สามมองว่าไร้จุดหมาย
ปมดรามาร้อน หลังแถลงผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) มีประเด็นเปิดด่านจันทบุรี-ตราด พื้นที่กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด แต่มีเสียงต่อต้านจากหลายกระแสรวมถึงกองทัพ ที่กังวลต่อท่าทีของกัมพูชา แม้มีเสียงกดดันมาจากประเทศที่สาม
พลโทพงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ วิเคราะห์ว่า ข้อต่อรองกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ตอนนี้ไทยมีข้อต่อรองเดียวคือ การปิดด่าน เพราะถ้าเปิดด่านชายแดน ไทยจะไม่เหลือข้อต่อรอง สิ่งสำคัญของการเปิดด่านได้ ทหารกัมพูชา ต้องออกไปจากพื้นที่ตลอดแนวที่เป็นเส้นอธิปไตยไทย ที่มีเส้นเขตแดนบ่งบอกการรุกล้ำอธิปไตยของไทย แต่ตอนนี้ทหารกัมพูชายังไม่ออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว
ถ้าไทยยอมเปิดด่านเพียงแห่งเดียว กัมพูชาก็สบาย แต่สิ่งที่ประเทศที่สามกดดันมา เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าจุดจบของการเจรจาของไทย-กัมพูชา จะเป็นอย่างไร เพราะประเทศเหล่านี้ต้องการทำธุรกิจ ส่วนปัญหาที่ไทยและกัมพูชา กำลังทำอยู่ตอนนี้คือการประชุมที่ยังไม่มีจุดจบ ทั้งที่การเจรจา GBC ควรจบไปแล้วตั้งแต่การประชุม RBC ครั้งก่อน
สิ่งที่ไทยและกัมพูชา ต้องมีคือ แผนสันติภาพชัดเจน แต่ต้องมีวันเวลาที่เป็นบทสรุป โดยมีเงื่อนไขคือ1.ขนย้ายอาวุธหนักเช่น จรวดลำกล้อง ออกไปจากพื้นที่ริมชายแดนให้ไกลจากระยะกี่เมตร 2.กำลังทหาร ต้องออกไปไกลจากพื้นที่ชายแดน รวมถึงรถถังและยานเกราะต่างๆ โดยระบุวันที่ชัดเจน 3.โรงพยาบาลสนาม เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องย้ายออกไปห่างจากจุดปะทะ เพราะเป็นประเด็นสำคัญที่ชี้ว่ายังมีความรุนแรงอยู่ในพื้นที่
...
เมื่อทหารกำลังหลักออกจากพื้นที่ริมชายแดน ก็ต้องให้ทหารที่ประจำในท้องถิ่น เช่น ทหารพราน , ตชด. , อาสาสมัคร ทั้งฝ่ายไทย-กัมพูชา มาประจำการแทน หรือถ้าเป็นทหารก็ต้องปลดอาวุธเข้ามาในพื้นที่รอยต่อ
ขั้นต่อไปต้องมีการพิสูจน์เขตแดนของสองประเทศที่ชัดเจน แต่ถ้าขั้นตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ต้องทำการรบกัน ซึ่งใช้เวลาอย่างมาก 10 วันก็จบ เพราะไทยไม่ได้ทำการรบเพื่อยึดพื้นที่ชั้นในกัมพูชา แต่ทำการรบในเขตแดนอธิปไตยของไทย
ไทม์ไลน์การเจรจา จะต้องเริ่มด้วยการเจรจาสันติภาพในกรอบเวลา 15 วัน ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำการบังคับให้เกิดสันติภาพ โดยต้องรบกันจนกว่าจะเกิดการเจรจา
“การที่ไทยมีท่าทีผ่อนปรนเรื่องด่านชายแดน ทั้งที่กัมพูชา ยังไม่ยอมลดกำลังทหาร ไทยอาจเสียเหลี่ยม เพราะถ้าแค่การเปิดด่านจันทบุรี และตราด ถือเป็นด่านที่เป็นการขนส่งผักและพืชผลสำคัญ และทำให้วงจรธุรกิจในกัมพูชาสามารถอยู่ได้ ทั้งในสภาวะที่ทหารก็ตรึงกำลังอยู่เหมือนเดิม ไทยไม่ควรให้เกิดประเด็นอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นกัมพูชา จะยืดการเจรจาไปเรื่อยๆ เพราะกัมพูชาไม่เดือดร้อน”
พื้นที่ด่านจันทบุรี-ตราด ส่วนหนึ่งมีกลุ่มสแกมเมอร์อยู่ แม้พื้นที่ส่วนนี้ไม่มีเหตุปะทะรุนแรง แต่ถ้าเปิดให้กัมพูชาจะเป็นช่องที่ทำให้ซื้อเวลา ทำให้มูลค่าเศรษฐกิจของไทยเสียหายค่อนข้างมาก ถ้ามีการรบแบบยืดเยื้อ
คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรองนายกฯ ควรรวบแผนเจรจาต่างๆ ทั้ง JBC ที่ว่าด้วยเขตแดน ส่วน GBCว่าด้วยเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด ปราบปรามสแกมเมอร์ ตลอดจน RBC ให้เป็นแผนเดียวกันในการแก้ปัญหาและประชุมพร้อมกันในครั้งเดียว โดยการร่างไปครั้งนี้ เป็นเหมือนประกาศให้ชาวโลก และประเทศที่สามที่มีส่วนร่วมในการเจรจาครั้งนี้รู้ว่า ไทยต้องการสันติภาพ แต่ถ้าทางกัมพูชา ไม่รับเรื่องนี้อีก ก็จำเป็นที่ไทยต้องรบกับกัมพูชา
“ทหารที่ลาดตระเวนทุกวันนี้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องสูญเสียขาจากระเบิดอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือ การต้องทำให้ประเทศที่สาม เข้าใจว่า กรอบเวลาการเจรจาชัดเจน เพื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจน”