สรุปเหตุประท้วงเนปาล เมื่อชาว Gen Z ก่อม็อบต้านรัฐบาลแบนโซเชียลมีเดีย-ทุจริต ล่าสุดรัฐบาลยกเลิกแบน-นายกฯ ลาออก
เกิดการประท้วงเดือดที่ประเทศเนปาล คัดค้านการที่รัฐบาลแบนโซเชียลมีเดียอ้างเพื่อกำจัดข่าวปลอมและอาชญากรรมออนไลน์ ทำเอาประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ลงถนนประท้วง จนถูกเรียกว่า “ม็อบ Gen Z” บานปลายไปสู่การปราบปรามที่รุนแรง ล่าสุด 9 ก.ย. มีผู้เสียชีวิตแล้ว 19 ราย บาดเจ็บหลายร้อยคน เรื่องราวเป็นอย่างไร ไทยรัฐออนไลน์ ไล่เรียง
1. จุดเริ่มต้นเกิดจากการที่รัฐบาลเนปาล ได้สั่งให้บรรดาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชันต่างๆ ต้องขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยี กำหนดเส้นตายวันที่ 3 ก.ย. 68 โดยแพลตฟอร์มต้องระบุข้อมูลการติดต่อของตัวแทนประจำเนปาล ผู้รับเรื่องร้องเรียน รวมถึงผู้รับผิดชอบด้านการกำกับดูแล อ้างเพื่อต้องการแก้ปัญหาข่าวปลอม คำพูดที่สร้างความเกลียดชัง และการก่ออาชญากรรมออนไลน์
2. ภายหลังเส้นตาย รัฐบาลได้สั่งให้หน่วยงานโทรคมนาคมแห่งชาติ (Nepal Telecommunications Authority : NTA) สั่งแบนเว็บไซต์และแอปฯ ที่ไม่ทำตามข้อกำหนดรวม 26 แพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึง Facebook, Instagram, X, YouTube, WhatsApp, Messenger เป็นต้น ขณะที่แพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น TikTok, Viber ได้ขึ้นทะเบียนกับรัฐบาลแล้ว
...
3. จากรายงานของ NTA ในปี 2021 พบว่าประชากรเนปาล 30 ล้านคน 90% ใช้อินเทอร์เน็ต และ 7.5% ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ อาศัยแพลตฟอร์ม เช่น Messenger ในการติดต่อกับครอบครัวที่บ้านเกิด ทำให้จำนวนมากต้องเปลี่ยนมาใช้ Viber ในการสื่อสารแทน
4. การแบนแพลตฟอร์มเหล่านี้สร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาวอายุ 13-28 ปี หรือที่เรียกกันว่า Gen Z ที่ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ในการแสดงออกและทำงาน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน โดยพวกเขามองว่ารัฐบาลต้องการปิดกั้นเสียงของประชาชน จำกัดเสรีภาพในการแสดงออก
5. ประกอบกับความโกรธแค้นของประชาชนต่อรัฐบาลก่อนหน้านี้ ที่มองว่าเนปาลมีปัญหาการทุจริตฝังรากลึกมายาวนานหลายทศวรรษ และการที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ตามสัญญา
ขณะเดียวกันก็มีการเผยแพร่วิดีโอของ “Nepo kids” ลูกหลานนักการเมืองเนปาลที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ในขณะที่คนในประเทศมีรายได้เฉลี่ยแค่ปีละ 4 หมื่นบาทเท่านั้น รวมถึงความคับข้องใจของคนหนุ่มสาวต่อโอกาสทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ โดยข้อมูลจากธนาคารโลกชี้ว่า ในปี 2567 อัตราว่างงานในหมู่คนอายุ 15-24 ปีในเนปาลสูงถึง 20.8%
“เราประท้วงการทุจริต ที่กลายเป็นสถาบันหนึ่งในเนปาลไปแล้ว”
“มากกว่าการแบนโซเชียลมีเดีย ฉันคิดว่าทุกคนโฟกัสที่การทุจริตมากกว่า เราอยากได้ประเทศของเราคือ เราออกมาเพื่อหยุดการคอร์รัปชัน”
“ถึงแม้ว่าการแบนโซเชียลมีเดียจะเป็นการเติมเชื้อไฟการประท้วงครั้งนี้ แต่ความไม่พอใจฝังรากลึกกว่านั้น มันเกิดจากการละเลยมาอย่างยาวนานและการปิดกั้นเสียงของเยาวชน”
“หัวใจสำคัญในการเรียกร้อง คือการยึดหลักนิติธรรม คือความรับผิดชอบ และความยุติธรรมอยู่เหนือเส้นสายและการทุจริต” นี่คือคำกล่าวบางส่วนของเหล่าผู้ประท้วง
6. การประท้วงเกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วประเทศ ที่เมืองกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล การประท้วงเริ่มต้นในเช้าวันที่ 8 ก.ย. 68 ตามเวลาท้องถิ่น ขบวนผู้ประท้วงหลายพันคนพยายามเคลื่อนเข้าไปในอาคารรัฐสภา พังแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ และมีการจุดไฟเผารถพยาบาล
7. ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็เปิดฉากสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง มีการใช้กระสุนยาง กระบอง แก๊สน้ำตา และปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และมีข้อกล่าวหาว่าใช้ "กระสุนจริง" นำมาสู่การเสียชีวิต 19 ราย โดยเสียชีวิตในการประท้วงที่กรุงกาฐมาณฑุ 17 ราย ที่เมืองอิตาฮารี 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บเกิน 400 รายทั้งผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่
...
8. ในคืนเดียวกัน รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการแบนโซเชียลมีเดีย และประกาศเคอร์ฟิวรอบอาคารรัฐสภา 3 กม. ห้ามชุมนุมในเวลา 12.30 - 22.00 น. มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 8 ก.ย.เป็นต้นไป และได้ขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งรวมถึงที่พักประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี โดยรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และจะมีการจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมถึงรักษาผู้บาดเจ็บฟรี
9. ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากเหตุผลทางศีลธรรมต่อการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม จากนั้นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรนำ้ก็ได้ประกาศลาออกเช่นกัน
10. สถานการณ์วันต่อมา 9 ก.ย.การชุมนุมยังดำเนินต่อไปแม้จะมีการประกาศเคอร์ฟิว มีการเผาทำลายสถานที่ราชการ โจมตีบ้านพักของนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง จนทหารต้องพาอพยพหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย
11. ล่าสุดนาย เค.พี. ชาร์มา โอลี นายกฯ เนปาล ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เปิดทางสู่ “การแก้ไขวิกฤตการณ์” โดยนายโอลี ย้ำว่าความรุนแรงไม่เป็นผลดีกับประเทศ และควรหาทางออกด้วยการเจรจาอย่างสันติ แต่สุดท้ายสถานการณ์กลับผลักให้เนปาลเข้าสู่ความไม่แน่นอนทางการเมืองรอบใหม่
ขณะเดียวกันมีข่าวลือด้วยว่า นายโอลีเตรียมตัวลี้ภัยด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปยังนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
...
12. แอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า มีรายงานการใช้ “กระสุนจริง” (live ammunition) ในการสลายการชุมนุม นำมาสู่การเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเมื่อมีความจำเป็นและได้สัดส่วนเท่านั้น
ด้านสหประชาชาติ ระบุว่า “ช็อก” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างโปร่งใสโดยทันที โดยได้รับทราบข้อกล่าวหาที่น่ากังวลจำนวนมากในเรื่องการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่
13.ในช่วงเย็นวันที่ 9 ก.ย. ชุมนุมได้บุกเข้าไปเผาอาคารรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง สนามบินนานาชาติ ตริภูวัน ของกรุงกาฐมาณฑุ ได้ประกาศปิดให้บริการชั่วคราว ด้านประธานาธิบดี ราม ชานดรา พูเดล ร้องขอให้กลุ่มผู้ประท้วง มาพูดคุยกับรัฐบาลและหาทางออกอย่างสันติ
14.สถานการณ์ล่าสุดวันนี้ (10 ก.ย.) การประท้วงยังเดินหน้าและทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 22 คน โดยรวมถึงนางราบิ ลักษมี จิตรกร ภรรยาอดีตนายกฯ ชาลานาถ ข่านาล ที่เสียชีวิตจากการบาดแผลไฟไหม้ หลังผู้ชุมนุมได้บุกเผาบ้านของบรรดานักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง
ข้อมูลอัปเดต ณ วันที่ 10 ก.ย. 2568 เวลา 12.00 น.ตามเวลาประเทศไทย
ขอบคุณ : aljazeera, economictimes, cnn, theguardian, bbc,
...