10 แฮร์โทนิก ยี่ห้อไหนดี 2025 ตัวช่วยลดผมขาดร่วง เพิ่มวอลลุ่มผมหนา ดูสุขภาพดี

แฮร์โทนิก (Hair Tonic) ตัวช่วยดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ไอเทมแฮร์แคร์ที่ตอบโจทย์กับผู้มีปัญหาผมขาดร่วงและผมบาง อุดมไปด้วยสารสกัดต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการปลอบประโลมหนังศีรษะ บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง และมีส่วนช่วยในการลดโอกาสผมขาดหลุดร่วง

ปัจจุบันแฮร์โทนิกมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังอย่าง L’Oreal, KERASTASE, DAENG GI MEO RI และยี่ห้อราคาประหยัดที่มาพร้อมกับส่วนผสมแบบจัดเต็ม เช่น LYO, Innisfree และ EARTHLAB แต่ละยี่ห้อจะมีความน่าสนใจอย่างไร สามารถติดตามได้ที่นี่

แนะนำ 10 แฮร์โทนิก ยี่ห้อไหนดี 2025 บำรุงผมให้แข็งแรง ผมนุ่มสลวยสุขภาพดี

1. L'Oreal Professionnel SERIOXYL ADVANCED DENSIFYING SERUM

L'Oreal Professionnel SERIOXYL ADVANCED DENSIFYING SERUM แฮร์โทนิกที่อุดมไปด้วยสารสกัดสำคัญอย่าง STEMOXYDINE 5% และ RESVERATROL ที่มีส่วนช่วยในการฟื้นคืนความหนาของผมและกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมขาดหลุดร่วง ใช้แล้วให้ความรู้สึกสบายหนังศีรษะ ซึมไว ไม่ทำให้ผมหนัก ขวดเป็นหัวสเปรย์ใช้งานง่าย ใช้ได้ทุกวัน

ราคา 1,590 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

2. KERASTASE SPECIFIQUE STIMULISTE

แฮร์โทนิก KERASTASE สูตร SPECIFIQUE STIMULISTE ตัวช่วยดูแลปัญหาผมขาดร่วง ที่อุดมไปด้วยส่วนผสมต่างๆ เช่น Aminexil ที่ช่วยเสริมความอ่อนนุ่มและความยืดหยุ่นให้เส้นผม, Vitamin PP และ Arginine ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบนหนังศีรษะ และ Gluco-Lipid GL ที่ช่วยปกป้องเส้นใยในเส้นผมตั้งแต่โคนจรดปลาย มีส่วนช่วยในการบำรุงหนังศีรษะ ลดโอกาสหลุดร่วงของเส้นผม ตลอดจนช่วยเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม ทั้งบำรุงและช่วยจัดทรงผมได้ในขวดเดียว

ราคา 2,300 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

3. DAENG GI MEO RI JINGI Anti-Hair Loss Scalp Tonic

แฮร์โทนิกเกาหลีสูตร JINGI Anti-Hair Loss Scalp Tonic จาก DAENG GI MEO RI มาพร้อมส่วนผสมจากโสมเข้มข้น 20 เท่า ผสานไปกับสารสกัดจิงจูฉ่าย ว่านน้ำฉางโป และสมุนไพรเกาหลีกว่า 12 ชนิด มีส่วนช่วยในการบำรุงหนังศีรษะและเส้นผม ลดโอกาสเกิดผมขาดหลุดร่วง ควบคุมความมันส่วนเกินบนหนังศีรษะ และเสริมวอลลุ่มเส้นผมให้แลดูหนานุ่มมากยิ่งขึ้น ขวดสเปรย์ใช้งานง่าย ให้กลิ่นหอมสมุนไพรอ่อนๆ ไม่ฉุนจนเกินไป

ราคา 990 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

4. Yanhee Teezeer Serum

Yanhee Teezeer Serum แฮร์โทนิกเนื้อเซรั่ม โดดเด่นด้วยสารสกัด Copper Tripeptide-1 ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม และสารสกัดหญ้าหางม้า ที่ช่วยให้เส้นผมแลดูเงางาม ไม่แห้งแตก และลดโอกาสขาดหลุดร่วง นอกจากนี้ยังช่วยให้ผมแลดูหนาและดกดำขึ้นอีกด้วย แพ็กเกจเป็นแบบหัวสเปรย์ใช้งานง่าย สำหรับคนที่มีปัญหาผมบางแนะนำให้ใช้วันละ 2 ครั้ง

เซ็ต Yanhee Teezeer Serum 2 ขวด พร้อมหวีนวดกระตุ้น

ราคา 1,790 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

5. L'Occitane Volume & Strength Scalp Serum

แฮร์โทนิกจาก L'Occitane มาในสูตร Volume & Strength Scalp Serum อุดมไปด้วยสารสกัดต่างๆ เช่น เคราตินจากพืช ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงและเพิ่มวอลลุ่มให้เส้นผม ตลอดจนอาร์จินีนที่ช่วยดูแลความแข็งแรงของเส้นใยในเส้นผม ตั้งแต่โคนจรดปลาย นอกจากนี้ยังผสานไปด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย 5 ชนิด คือ โรสแมรี่ เลมอน จูนิเปอร์ กระดังงา และ เซดาต์ ที่ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย และเติมความมีชีวิตชีวาขณะใช้งาน

ราคา 1,370 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

6. LYO HAIR TONIC

LYO HAIR TONIC แฮร์โทนิกที่ได้รับความนิยมถูกคิดค้นและวิจัยโดยเภสัชกร อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมต่างๆ เช่น สารสกัดต้นอ่อนถั่วลันเตา สารสกัดใบมัลเบอร์รี่ โปรวิตามิน บี5 วิตามินอี สารสกัดรากโสม สารสกัดอัญชัน และสารสกัดว่านหางจระเข้ มีส่วนช่วยในการควบคุมความมัน บำรุง และปรับสมดุลบนหนังศีรษะ และยังมีส่วนช่วยลดอาการคันหนังศีรษะได้อีกด้วย สามารถใช้ได้ทั้งบริเวณเส้นผม คิ้ว หนวด เครา และจอน

ราคา 1,290 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

7. Innisfree My Hair Recipe Strength Tonic Essence

แฮร์โทนิกสูตรนี้จาก innisfree เป็นผลิตภัณฑ์ตัวช่วยในการบำรุงและดูแลหนังศีรษะ มาพร้อมสารสกัดต้นสนเชจูซีดาร์และต้นเรตินิส ช่วยดูแลรูขุมขนให้แข็งแรง ปรับสมดุลความชื้นบนหนังศีรษะ เอื้อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เสริมเส้นผมให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น สเปรย์ละเอียด เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นแบบเอสเซนส์ ให้สัมผัสบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ

ราคา 628 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

8. CUphar Hair Tonic

แฮร์โทนิกจาก CUphar Hair Tonic ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ซึ่งถูกคิดค้นและวิจัยโดย คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยเสริมบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึกโดยเทคโนโลยี StemAktiv ที่มีความอ่อนโยนสูง ผสานไปกับสารสกัดสมุนไพรไทยกว่า 10 ชนิด เช่น สารสกัดมะขามป้อม สารสกัดใบรางจืด สารสกัดจากดอกอัญชัน และสารสกัดผิวมะกรูด มีส่วนช่วยในการกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดของผิวหนังและเส้นผม เพิ่มสัญญาณการอยู่รอดของเซลล์ และทำความสะอาดสิ่งตกค้างในเซลล์

ราคา 1,070 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

9. EARTHLAB BOTANICAL HAIR TONIC

EARTHLAB BOTANICAL HAIR TONIC แฮร์โทนิกที่มาพร้อมสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Procapil™ ที่ช่วยบล็อกการเกิดฮอร์โมน DHT ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดผมร่วงและผมบาง ผสานไปกับ Biotinyl-GHK และ Apigenin ที่เสริมความแข็งแรงของเส้นผม มีส่วนช่วยให้รากผมยึดเกาะได้ดียิ่งขึ้น มีส่วนช่วยให้ผมดูหนา ไม่ลีบแบน แลดูสุขภาพดี

ราคา 1,290 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

10. Dr. Mokan Medi-Hair Treatment Red Tonic With Fuji Mulberry Root Extract

Dr. Mokan Medi-Hair Treatment Red Tonic With Fuji Mulberry Root Extract แฮร์โทนิกที่ช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมด้วยสารสกัดจากสมุนไพรญี่ปุ่นอย่างราก Souhakuhi Ekisu มีส่วนช่วยในการยืดอายุของเส้นผม ปรับวงจรการเกิดของเส้นผมให้กลับมาเป็นปกติ เหมาะสำหรับทั้งคนที่ผมร่วงจากความเครียด มลภาวะในแต่ละวัน และการทำเคมี

ราคา 3,530 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Shopee / Lazada

สรุปทริกการใช้แฮร์โทนิก ใช้อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด

แน่นอนว่าการเลือกใช้แฮร์โทนิกเป็นเพียงทางเลือกที่ช่วยดูแลสุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะให้มีความแข็งแรง ลดโอกาสการขาดหลุดร่วงเท่านั้น โดยผลลัพธ์ในแต่ละคนจะแตกต่างกันไป แต่ในบทความนี้ไทยรัฐช็อปปิ้งได้รวบรวมทริกการใช้แฮร์โทนิกให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ติดตามได้ที่นี่

1. การเลือกแฮร์โทนิกให้ตรงกับปัญหาผม

ปัจจุบันแฮร์โทนิกมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อและสูตร โดยแต่ละสูตรจะมีการออกแบบให้ตอบโจทย์กับปัญหาหนังศีรษะและเส้นผมที่แตกต่างกันไป ซึ่งแบ่งออกตามแต่ละประเภทปัญหาดังนี้

• ปัญหาผมร่วง ผมบาง: ปัญหาดังกล่าวนี้ แนะนำให้มองหาแฮร์โทนิกที่มีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ เช่น คาเฟอีน (Caffeine), ไบโอติน (Biotin), สารสกัดจากโสม (Ginseng Extract) ตลอดจนสารสกัดจากอัญชัน หรือสารที่ช่วยยับยั้งฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วงเป็นต้น จะช่วยแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้ดี
• ปัญหารังแค หนังศีรษะมันหรือคัน: ปัญหาหนังศีรษะมัน มีอาการคัน และมีรังแค เป็นอีกปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อยกับทุกคน โดยหากประสบปัญหานี้ ไทยรัฐช็อปปิ้งแนะนำให้เลือกแฮร์โทนิกที่มีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมัน ลดการอักเสบ และต้านเชื้อรา เช่น Tea Tree Oil, Salicylic Acid, Piroctone Olamine และ Zinc Pyrithione
• ปัญหาผมแห้งเสีย ไม่แข็งแรง: สำหรับปัญหาเส้นผมนี้เหมาะกับการเลือกใช้แฮร์โทนิกกลุ่มที่เน้นการบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะให้มีความชุ่มชื้นแข็งแรง มาพร้อมส่วนผสมต่างๆ เช่น วิตามิน B5 วิตามิน E และสารสกัดจากว่านหางจระเข้

2. ขั้นตอนการใช้งานแฮร์โทนิก

ก่อนการใช้งานแฮร์โทนิก ควรมีวิธีการเตรียมการเพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์สามารถบำรุงได้อย่างทั่วถึงและล้ำลึก สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ เพียงทำความสะอาดหนังศีรษะและเส้นผมให้สะอาด พร้อมรับการบำรุง หลังจากนั้นให้เช็ดหัวและผมให้มีความหมาด ไม่เปียกหรือแห้งจนเกินไป แล้วแนะนำให้แบ่งผมออกเป็นช่อๆ เมื่อแบ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้หยดหรือพ่นแฮร์โทนิกลงหนังศีรษะ จากนั้นนวดเบาๆ ให้ทั่วบริเวณ สามารถใช้คู่กับหวีนวดหัวเพื่อกระตุ้นการดูดซึมลงสู่ผิวให้ดีมากขึ้น

3. ความสม่ำเสมอในการใช้แฮร์โทนิก

แน่นอนว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกในการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ความสม่ำเสมอในการดูแลหรือใช้งาน โดยผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและปัญหาเส้นผม หากใครที่มีปัญหาผมบางหรือต้องการดูแลเป็นพิเศษ แนะนำให้ใช้เป็นประจำ วันละ 2 ครั้ง อย่างต่อเนื่อง

ทั้งหมดนี้คือลิสต์แฮร์โทนิกที่ไทยรัฐช็อปปิ้งรวบรวมมาให้ถึง 10 ยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น L’Oreal, KERASTASE, DAENG GI MEO R, Yanhee และ L'Occitane ล้วนมาพร้อมกับส่วนผสมที่ช่วยดูแลหนังศีรษะและเส้นผม ให้มีความแข็งแรง ลดโอกาสผมขาดหลุดร่วง มีส่วนช่วยให้ผมดูหนา มีวอลลุ่ม และสุขภาพดี

อย่างไรก็ตามแฮร์โทนิกเป็นเพียงหนึ่งในทางเลือกดูแลปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะ ใครที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วงเป็นประจำ แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำปรึกษาในการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ปรับพฤติกรรม ทั้งการดูแลร่างกาย การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และการพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ใครที่สนใจแฮร์โทนิก สามารถเลือกซื้อได้เลยจากบทความนี้ หากยังไม่เจอยี่ห้อที่ถูกใจ สามารถเข้าไปเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ที่ Shopee และ Lazada แนะนำให้เก็บคูปองและโค้ดส่วนลดด้านล่างนี้ เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าในการช็อป

เช็กโค้ดส่วนลด Shopee ได้ที่นี่

เช็กโค้ดส่วนลด Lazada ได้ที่นี่

(ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบราคาอีกครั้งก่อนสั่งซื้อ)