การดูแลสุขภาพช่องปากเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่คิด เพราะสุขภาพฟันและเหงือกที่ดีนั้น เชื่อมโยงกับสุขภาพร่างกายโดยรวมของเรา การแปรงฟันอย่างถูกวิธี จึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอีกต่อไป และในยุคนี้แปรงสีฟันไฟฟ้าก็กลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การทำความสะอาดฟันเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย และได้ผลลัพธ์แบบมืออาชีพ
หากพูดถึงแปรงสีฟันไฟฟ้า ก็มักเจอคำถามว่า “แล้วจะเลือกแปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี” เพราะแต่ละยี่ห้อต่างก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป
บทความนี้ ไทยรัฐช็อปปิ้งจึงได้คัดมาให้แล้วกับ 10 แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อยอดนิยม ที่ใช้ดี ทำความสะอาดได้ล้ำลึก อ่อนโยนกับเหงือก ใช้งานง่าย และคุ้มค่าในระยะยาว พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ใครอยากฟันสะอาด เหงือกแข็งแรง แถมยังรู้สึกสนุกกับการแปรงฟันในทุกวัน ติดตามได้ที่นี่
การใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าจะช่วยให้การแปรงฟันของเป็นเรื่องง่าย และสนุกกว่าเดิม เพราะตัวแปรงจะเคลื่อนไหวเองอัตโนมัติ เพียงแค่เลื่อนหัวแปรงไปตามซี่ฟัน ก็ช่วยขจัดคราบพลัค และคราบจุลินทรีย์ได้ดีกว่าการแปรงด้วยมือแบบธรรมดา
แปรงสีฟันไฟฟ้าแบ่งออกได้ 4 ประเภทหลักๆ มาทำความรู้จักแต่ละประเภทพร้อมๆ กัน
เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแปรงสีฟันไฟฟ้าให้ดูกันแบบชัดๆ ก่อนจะไปแนะนำว่า แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี
แปรงสีฟันไฟฟ้าตัวแรกที่อยากแนะนำ คือ Oral-B iO Series 3 เพราะรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี Magnetic Drive ที่ทำให้หัวแปรงสั่นและหมุนลึกแบบไมโคร (Micro Vibrations) นวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นโดย Oral-B ช่วยทำความสะอาดล้ำลึกตามซอกฟัน และร่องฟัน โดยไม่ทำร้ายเหงือก แถมยังมีเซนเซอร์วัดแรงกดอัจฉริยะที่จะแจ้งเตือนด้วยไฟสีแดง เมื่อกดแปรงแรง และขึ้นไฟสีเขียว เมื่อกดแปรงพอดี และไฟสีขาว เมื่อกดแปรงเบาไป หมดกังวลเรื่องปัญหาเหงือกร่น และฟันสึก
แปรงรุ่นนี้มีตัวเครื่องสี Ice Blue ดูเรียบหรู ทันสมัย มาพร้อมนาฬิกาจับเวลา 2 นาที ที่จะสั่นเตือนทุก 30 วินาที มีระบบไฟสีเหลืองบริเวณปุ่มกด เป็นการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนหัวแปรง ทำให้ใช้งานง่ายและมั่นใจได้ว่า แปรงฟันสะอาดทั่วทั้งปากอย่างถูกวิธี ส่วนด้านโหมดการใช้งาน Oral-B iO Series 3 มีให้เลือกถึง 3 โหมด ปรับใช้งานตามต้องการได้ง่ายๆ ได้แก่ Daily Clean, Sensitive และ Whitening
ราคาประมาณ 3,299 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
ช่องทางสั่งซื้อ Shopee / Lazada / Tiktok
Oral-B iO Series 7 เป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าอีกรุ่นจาก Oral-B ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Magnetic Drive ที่ทำให้หัวแปรงสั่นและหมุนแบบไมโคร (Micro Vibrations) อย่างนุ่มนวล แต่พลังทำความสะอาดจัดเต็ม มาพร้อมจอแสดงผลแบบ Interactive ที่คอยบอกข้อมูลสำคัญต่างๆ ขณะใช้งาน ทั้งโหมดการแปรง ฟีเจอร์เตือนเปลี่ยนตำแหน่ง และจับเวลาการแปรงฟันแบบ 2 นาที เพื่อให้แปรงฟันได้ตามเวลาที่ทันตแพทย์แนะนำ อีกจุดเด่น คือ ระบบ AI ที่วิเคราะห์การแปรงฟันแบบเรียลไทม์ เชื่อมต่อแอปพลิเคชั่น Oral-B ช่วยให้เรารู้ว่าตรงไหนแปรงไม่ทั่วหรือแปรงแรงเกินไป
โดยหัวแปรงของรุ่นนี้เป็นแบบ Ultimate Clean ที่มีดีไซน์ Tuft-In-Tuft ขนแปรงตรงกลางจะยาวกว่า ช่วยซอกซอนลึกถึงซอกฟัน และขอบเหงือกได้ดี ทำความสะอาดคราบพลัคได้มากกว่าแปรงธรรมดาถึง 2 เท่าเลยทีเดียว สำหรับโหมดการใช้งาน Oral-B iO Series 7 มีให้เลือกถึง 5 โหมด คือ
ราคาประมาณ 7,999 – 9,999 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
ช่องทางการสั่งซื้อ Shopee / Lazada / Tiktok
แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare 1100 series ตัวนี้ ใช้งานง่าย เพียงแค่กดปุ่มเดียวก็เริ่มแปรงได้ทันที ตัวแปรงมีน้ำหนักเบา จับถนัดมือ หัวแปรงอ่อนนุ่ม แปรงแล้วไม่ระคายเหงือก และมีจังหวะการปัดกว่า 31,000 ครั้งต่อนาที ทำให้มั่นใจได้ว่าแปรงสะอาดทุกซอกมุม อีกทั้ง แบตเตอรียังอยู่ได้นานถึงสองสัปดาห์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เหมาะกับแก่การพกพาไปเที่ยว ไร้กังวลเรื่องแบตหมดระหว่างใช้งาน
ราคา 1,590 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
SYSTEMA Sonic เป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีหัวแปรงเล็ก ขนแปรงอ่อนนุ่ม ปลายเรียวแหลม ช่วยให้แปรงลงลึกถึงซอกฟันได้ดี สามารถทำความสะอาด และขจัดคราบฟันได้ทุกซอกมุม หมดปัญหาเศษอาหารตกค้าง อีกทั้ง ตัวเครื่องยังมีน้ำหนักเบา จับถนัดมือ สะดวกต่อการพกพา และใช้งานง่าย เพียงแค่กดปุ่มเดียวก็เริ่มใช้งานได้ทันที ไม่ต้องปรับการตั้งค่าให้ยุ่งยาก แถมยังทำความสะอาดได้ทั่วถึงทั้งปาก ใครที่อยากเริ่มใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า แต่ไม่แน่ใจว่าแบบไหนดี อาจลองเริ่มจากรุ่นนี้ได้
ราคา 650 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
แปรงสีฟันไฟฟ้า SPARKLE Sonic รุ่น Advanced Active ตัวนี้ใช้เทคโนโลยีโซนิคสั่นแรงถึง 40,000 ครั้งต่อนาที ช่วยขจัดคราบพลัค และเศษอาหารได้ทุกซอกทุกมุม แต่ยังอ่อนโยนกับเหงือก ไม่ทำให้ระคายเคืองหรือเจ็บเหงือกขณะแปรง แถมยังมีโหมดให้เลือกถึง 5 โหมด ทั้งโหมดฟันขาว โหมดดูแลความสะอาด โหมดอ่อนโยนสำหรับคนเสียวฟัน โหมดนวดเหงือก และโหมดทำความสะอาดอย่างล้ำลึก และแปรงรุ่นนี้มีแบตเตอรีที่ใช้งานได้นาน ชาร์จหนึ่งครั้งสามารถใช้ได้นานสูงสุดถึง 21 วัน
ราคา 3,990 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
Xiaomi Mijia T100 เป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าโซนิคที่ใช้งานง่ายมาก เหมาะกับคนที่อยากเริ่มใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า โดยตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาแค่ 46 กรัม พกพาง่าย ชาร์จหนึ่งครั้งใช้ได้นานถึง 30 วัน พร้อมระบบจับเวลา 2 นาที และแจ้งเตือนเปลี่ยนตำแหน่งทุก 30 วินาที ทำให้มั่นใจว่าแปรงฟันได้ย่างทั่วถึง
ราคา 990 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
แปรงสีฟันไฟฟ้าโซนิคที่ใช้หัวแปรงแบบไฮบริด ผสมระหว่างซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ และขนแปรง PBT Polymer ที่อ่อนนุ่มแต่แข็งแรง ช่วยให้ทำความสะอาดฟัน เหงือก แก้ม และลิ้นได้หมดจด แปรงแล้วรู้สึกว่าช่องปากสะอาดขึ้น สามารถขจัดคราบพลัคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง แบตเตอรียังอยู่ได้นานถึง 365 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ชาร์จแค่ปีละครั้งก็ใช้ได้ทั้งปี ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างเดินทาง
ราคา 3,900 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
Usmile Y1S Sonic Electric Toothbrush แปรงสีฟันไฟฟ้าดีไซน์หรูหรา ด้ามจับถนัดมือ ใช้เทคโนโลยีการสั่นด้วยความถี่สูงถึง 38,000 ครั้งต่อนาที ทำให้ขจัดคราบพลัค และเศษอาหารได้ดีกว่าการใช้แปรงสีฟันธรรมดา ใช้แล้วรู้สึกฟันสะอาดทั่วถึง หมดกังวลเศษอาหารติดตามซอกฟัน และมีโหมดให้เลือก 3 โหมด รวมถึงระบบจับเวลา 2 นาที และเตือนเปลี่ยนตำแหน่งทุก 30 วินาที ช่วยให้แปรงฟันครบทุกซี่อย่างทั่วถึงตามคำแนะนำของทันตแพทย์
ราคา 3,199 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
ตัวนี้เป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าโซนิคที่ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดฟันได้ล้ำลึก และอ่อนโยนสุด ด้วยเทคโนโลยี Hydrodynamic ที่ทำให้เกิดฟองน้ำละเอียด ช่วยขจัดคราบแบคทีเรีย และพลัค อีกทั้งหัวแปรงยังเป็นรูปทรงหยดน้ำ และขนแปรงนุ่มพิเศษ จึงสามารถทำความสะอาดได้ทุกซอกฟัน อีกทั้ง มีโหมดการทำความสะอาดให้เลือกถึง 7 ระดับ ใช้งานง่ายด้วยปุ่มเดียว ถูกใจทั้งเด็ก และผู้ใหญ่แน่นอน
ราคา 7,950 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
แปรงสีฟันไฟฟ้าของ Oral-B อีกรุ่นที่ต้องแนะนำ คือ Oral-B Pro 2 2000 ที่ใช้เทคโนโลยี 3D Action ทั้งหมุน สั่น และพัลส์ ช่วยขจัดคราบพลัคได้มากกว่าแปรงทั่วไป 2 เท่า มาพร้อมหัวแปรงแบบเอ็กซ์ตรา เซนซิทีฟ หัวแปรงกลม ช่วยโอบล้อมฟันแต่ละซี่ ขนแปรงเรียว มีปลายทรงตัว X ช่วยแปรงร่องฟัน และซอกฟันได้ดี ทำให้คราบพลัค และเศษอาหารหลุดออกได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีระบบเซนเซอร์วัดแรงกดแปรง โดยจะมีไฟสีแดงเตือนเมื่อกดแปรงแรง ช่วยปกป้องเหงือก และโหมดการทำความสะอาดให้เลือก 2 โหมดคือ เดลี่คลีน และเซนซิทีฟ สามารถเลือกใช้ด้ตามความต้องการ
ราคา 2,690 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่าย และโปรโมชั่น)
ช่องทางการซื้อ: Lazada
แปรงสีฟันไฟฟ้าที่ดูแลรักษาดีๆ จะใช้งานได้นานประมาณ 3–5 ปี โดยขึ้นอยู่กับยี่ห้อ คุณภาพ และวิธีใช้ของแต่ละคน แต่ถ้าดูแลเป็นพิเศษ บางรุ่นอาจใช้ได้นานกว่านั้น ส่วนหัวแปรงควรเปลี่ยนทุก 3 เดือน เพื่อให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
แปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถใช้กับยาสีฟันปกติได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อยาสีฟันเฉพาะ เพราะหลักการใช้งานเหมือนแปรงสีฟันธรรมดา คือ แค่บีบยาสีฟันลงบนหัวแปรง แล้วเปิดเครื่อง เพื่อแปรงฟันตามปกติ แต่ควรเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ และเสริมสร้างสุขภาพช่องปากให้แข็งแรง
แปรงสีฟันไฟฟ้าช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น เพราะใช้งานสะดวก ทำความสะอาดฟันได้อย่างทั่วถึง ทุกซอกทุกมุม และอ่อนโยนต่อเหงือก หมดกังวลปัญหาฟันผุ เศษอาหารตกค้าง ถ้าหากต้องการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างล้ำลึก ลองเปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า รับรองว่า ฟันสะอาด เหงือกแข็งแรง และแปรงฟันได้สนุกขึ้นแน่นอน