1 ในเป้าหมายของการควบรวม คือการทำให้ทรูและดีแทคแข่งขันได้ดีขึ้น แต่การควบรวมไม่เคยง่าย เรายังต้องทำงานหนักกันต่อไป คู่แข่งไม่หยุดนิ่ง ขณะที่เรากำลังอยู่ในกระบวนการควบรวม นั่นทำให้การแข่งขันยากขึ้นไปอีก หน้าที่ของผมคือการทำให้รายได้เพิ่มขึ้นและคาดว่าทรูจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยวางเป้าหมายรายได้เติบโต 2-3% และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 8-10%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2568 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้จัดแถลงข่าว “ซิคเว่พบเพื่อนสื่อ” ในโอกาสที่นายซิกเว่ เบรกเก้ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม (ซีอีโอ) ทรู คอร์ปอเรชั่น ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 2568 เป็นต้นมา
โดยนายซิกเว่ เปิดเผยว่า หลังดำรงตำแหน่งซีอีโอกลุ่มเทเลนอร์ (ผู้ถือหุ้นดีแทคจากประเทศนอร์เวย์) มาเป็นเวลา 9 ปี นับเป็นโอกาสอันดีที่นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการของทรู โทรชักชวนให้มาร่วมงานกัน ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายซิกเว่เคยดำรงตำแหน่งซีอีโอดีแทคมาก่อนขยับขึ้นไปเป็นซีอีโอเทเลนอร์ ในฐานะบริษัทแม่ของดีแทค และยังเป็น 1 ในคีย์แมนสำคัญที่ผลักดันดีลควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคด้วย
นายซิกเว่ กล่าวถึงการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคว่า ผ่านมา 2 ปีแล้ว ถือได้ว่ากระบวนการควบรวมเดินหน้าไปได้เกินเป้าหมาย แต่ก็ยังมีขั้นตอนและงานอีกมากที่จะต้องทำให้ดีขึ้นอีก “1 ในเป้าหมายของการควบรวม คือการทำให้ทรูและดีแทคแข่งขันได้ดีขึ้น แต่การควบรวมไม่เคยง่าย เรายังต้องทำงานหนักกันต่อไป คู่แข่งไม่หยุดนิ่ง ขณะที่เรากำลังอยู่ในกระบวนการควบรวม นั่นทำให้การแข่งขันยากขึ้นไปอีก”
นายซิกเว่ ยังได้ประกาศเป้าหมายการทำงาน ได้แก่ การเพิ่มรายได้, การมุ่งหน้าสู่การเป็นแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อใจ (Trusted Brand), ยกระดับเครือข่าย พัฒนาให้ทันสมัย (Network Modernization) ซึ่งจะเสร็จสิ้นทั่วประเทศในไตรมาส 3 ของปี 2568 โดยมี "ภูเก็ตโมเดล" เป็นจังหวัดแรกที่พัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยเสร็จ 100%, การทำให้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้าถึงทุกคน ในราคาเอื้อมถึง, การเป็นบริษัทที่คนอยากเข้ามาทำงานด้วยและบริษัทอื่นอยากเอาเยี่ยงอย่าง รวมทั้งการขับเคลื่อนสู่การเป็นเทคคัมปะนี ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ “ผมขอเวลาอีก 2 ปี เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ได้เห็นชัดเจน”
อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกของปี 2568 ที่ผ่านมา ทรูเพิ่งสามารถรายงานผลกำไรสุทธิหลังหักภาษี 1,600 ล้านบาท จากขาดทุน 769 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สามารถพลิกธุรกิจกลับมาสร้างกำไรภายในระยะเวลา 2 ปีหลังการควบรวมกิจการ รวมทั้งในรอบกว่า 25 ปี แต่ในแง่รายได้ยังไม่น่าพอใจนัก “หน้าที่ของผมคือการทำให้ผลประกอบการใน 3 ไตรมาสที่เหลือของปีดีกว่าไตรมาสแรกและคาดว่าทรูจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยปีนี้ทรูวางเป้าหมายรายได้เติบโต 2-3% และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 8-10%”