ทิวา ชินธาดาพงศ์ ลงทุนแบบ “เซียนมี่” ผู้ปั้นพอร์ตพันล้าน กับเทคนิคเลือก “หุ้นปันผล - หุ้นเติบโต”

Business & Marketing

Executive Interviews

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทิวา ชินธาดาพงศ์ ลงทุนแบบ “เซียนมี่” ผู้ปั้นพอร์ตพันล้าน กับเทคนิคเลือก “หุ้นปันผล - หุ้นเติบโต”

Date Time: 21 ส.ค. 2568 09:04 น.

Video

ทำไมกองทุนประกันสังคมเสี่ยงล้มละลาย ? | Thairath Money Night Stand EP.8

Summary

สัมภาษณ์พิเศษ “เซียนมี่” ธิวา ชินธาดาพงศ์ นายกสมาคมนักลงทุน (ประเทศไทย) หนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เพื่อไขข้อข้องใจว่า ระหว่างการลงทุนใน “หุ้นปันผล” กับ “หุ้นเติบโต” แบบไหนดีกว่ากัน แล้วยุคนี้เรายังสร้างความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นไทยได้หรือไม่

Latest


หากต้องเลือกระหว่างการลงทุนใน “หุ้นปันผล” ที่ให้กระแสเงินสดสม่ำเสมอ กับ “หุ้นเติบโต” ที่มีโอกาสทำกำไรได้หลายเท่าตัว คุณจะเลือกอะไร?

คำถามนี้เป็นโจทย์ใหญ่ในใจนักลงทุนเสมอ ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยที่หลายคนมองว่าฟื้นตัวช้าและเต็มไปด้วยความท้าทาย จนทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มถอดใจ

Thairath Money มีโอกาสสัมภาษณ์ “เซียนมี่” ธิวา ชินธาดาพงศ์ นายกสมาคมนักลงทุน (ประเทศไทย) ในรายการ Thairath Money Night Stand EP.12 หนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาแล้วกับการลงทุนทั้งสองสาย

เพื่อไขข้อข้องใจว่า แนวทางไหนคือคำตอบ และนักลงทุนไทยจะยังสามารถสร้างความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นไทยได้จริงหรือไม่


เซียนมี่ มองว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ย้ำว่า "ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสรวยได้เสมอ" เหมือนกับการทำธุรกิจที่ยังมีนักธุรกิจรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จได้อยู่เสมอ เพียงแต่ต้องหากลยุทธ์และเลือกหุ้นให้ถูกตัวมากขึ้น


หุ้นปันผล = กุลสตรี VS หุ้นเติบโต = สาวเซ็กซี่

เซียนมี่ให้คำเปรียบเทียบที่เห็นภาพและน่าสนใจไว้ว่า การเลือกหุ้นก็เหมือนกับการเลือกคู่ครอง

โดยหุ้นปันผล (Dividend Stocks) เปรียบเสมือน "กุลสตรี แม่ศรีเรือน" ที่ดูเรียบร้อย เหมือนผ้าพับไว้ ไม่ค่อยทำร้ายใคร มีประวัติให้ศึกษาอย่างยาวนาน (Track Record) ธุรกิจมีความนิ่งและมั่นคง ความเสี่ยงที่จะเลือกผิดพลาดจึงต่ำกว่ามาก ต่อให้เลือกผิด ก็อาจจะเสียหายแค่ 10-20% ไม่เจ็บตัวหนัก

ส่วนหุ้นเติบโต (Growth Stocks) เปรียบเสมือน "สาวเซ็กซี่ในผับ" ที่ใครๆ ก็หมายปอง เป็นที่ต้องการของตลาด การเข้าไปลงทุนจึงมีโอกาสเจ็บตัวสูง เพราะเต็มไปด้วยความคาดหวังจากทุกคน แต่หากการเติบโตไม่เป็นไปตามที่คาด ราคาหุ้นอาจร่วงลง 50-80% ได้สบายๆ แต่ถ้าเลือกได้ถูกต้อง ก็เหมือนได้ครอบครองสิ่งที่ดีที่สุด มีโอกาสทำกำไรได้หลายเท่า

"เรามักจะมองแต่ว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นได้กี่เด้ง แต่ไม่ค่อยมองว่าโอกาสที่เราจะเจ็บตัวมีเท่าไหร่ หุ้นปันผลเลือก 10 ตัว อาจจะผิดแค่ 2-3 ตัว แต่ถ้าไปเลือกสาวเซ็กซี่ ถ้าพลาดขึ้นมา บางทีโอ้โห...หมดเป็นแสนแขนยังไม่ได้จับ" เซียนมี่ กล่าว

ดังนั้น การจะเลือกลงทุนสายไหนจึงขึ้นอยู่กับ จริต, เวลา, และความรู้ ของนักลงทุนแต่ละคน หากมีเวลาน้อย มีภาระหน้าที่อื่นเยอะ การเลือกศึกษาหุ้นปันผลอาจจะเหมาะสมกว่า แต่ถ้ามีความรู้ความสามารถในการคาดการณ์อนาคตและมองเห็นเทรนด์ใหม่ได้เฉียบคม หุ้นเติบโตก็คือคำตอบที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า


ต้องซื้อต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน แต่ระวัง "กับดัก"

ไม่ว่าจะเลือกสไตล์ไหน เซียนมี่ย้ำว่าหัวใจสำคัญที่สุดคือ ต้องซื้อหุ้นให้ได้ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน (Undervalued) จึงจะมีโอกาสทำกำไรเป็น "เด้ง" ได้ทั้งสองทาง เพราะสุดท้ายมูลค่าของหุ้นจะกลับไปที่มูลค่าเหมาะสมเสมอ แต่ทั้งสองสไตล์ก็มี "กับดัก" ที่ต้องระวังแตกต่างกัน

1. กับดักหุ้นปันผล คือการหลงเข้าไปซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลสูงแค่บางช่วงเวลา แต่กำไรไม่สม่ำเสมอและคาดเดายาก เช่น หุ้นในกลุ่มที่ขึ้นลงตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เป็นต้น

เซียนมี่ ชี้ให้เห็นภาพมากขึ้น โดยยกตัวอย่างว่า หัวใจของหุ้นปันผลคือ ความสม่ำเสมอของกระแสเงินสด เราต้องเลือกธุรกิจที่คาดการณ์รายได้ได้ง่าย เหมือน Netflix ที่เก็บค่าสมาชิกทุกเดือน ย่อมคาดเดาได้ง่ายกว่าธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่ต้องลุ้นว่าหนังเรื่องไหนจะทำเงิน

2. กับดักหุ้นเติบโต คือการเติบโตที่ไม่ยั่งยืน บริษัทอาจจะโตเร็วเพราะเป็นเจ้าแรกในตลาดและยังไม่มีคู่แข่ง แต่ไม่ได้มีความสามารถในการแข่งขันที่แท้จริง เมื่อมีคู่แข่งเข้ามา ส่วนแบ่งการตลาดและการเติบโตก็จะหายไปทันที

ดังนั้น หัวใจของหุ้นเติบโตคือ ความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน ต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าบริษัทมีอะไรที่เหนือกว่าคู่แข่งและลอกเลียนแบบได้ยาก



จัดพอร์ตแบบเซียน ไม่ต้องเลือกข้าง

เซียนมี่ ให้มุมมองว่า หุ้นเติบโตอาจทำให้เกษียณเร็วขึ้น หากได้หากเลือกถูกทาง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ในขณะที่หุ้นปันผล แม้จะช้ากว่า แต่ก็ให้ความแน่นอนในการสร้างความมั่งคั่งผ่านการทบต้นในระยะยาว ดังนั้น กลยุทธ์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่การเลือกข้างใดข้างหนึ่ง แต่คือการจัดพอร์ตให้สมดุล


"การวิ่งเร็วมากๆ กับหุ้นเติบโต โอกาสสะดุดล้มมันมี และเวลาล้มมันเจ็บหนัก แต่หุ้นปันผลเหมือนการเดินช้าๆ เนิบๆ มันล้มยากกว่า" เซียนมี่ กล่าว

การมีหุ้นทั้งสองประเภทในพอร์ต จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์ เมื่อหุ้นเติบโตขึ้นไปสูงจนรู้สึกว่าแพง ก็ ขายทำกำไรบางส่วนมาเพิ่มหุ้นปันผล เพื่อสร้างเสถียรภาพ

และเมื่อหุ้นเติบโตถูกเทขายอย่างหนัก ก็ ขายหุ้นปันผลบางส่วนไปช้อนซื้อหุ้นเติบโตดีๆ ในราคาถูก นี่คือกลยุทธ์ที่สร้างพอร์ตให้สมดุลและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว


ยังมีโอกาสในตลาดหุ้นไทย 

เซียนมี่ยังเชื่อมั่นว่าในตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสอยู่เสมอ แม้เศรษฐกิจภาพรวมอาจจะโตไม่มากนัก

หุ้นปันผลที่น่าสนใจ มองว่าอยู่ในกลุ่มค้าปลีกที่ขายสินค้าจำเป็น (Necessary Goods) ที่คนต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีความแข็งแกร่งและทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจ

ขณะที่หุ้นเติบโตที่น่าสนใจ ต้องมองหาธุรกิจที่เกาะไปกับ Megatrend ของโลก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นฐานการผลิตใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากจีน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่าง AI, รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และหุ่นยนต์ ซึ่งต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มหาศาล

สุดท้าย เซียนมี่ได้ฝากถึงนักลงทุนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ว่า การลงทุนไม่ใช่การวิ่ง 100 เมตร แต่คือการวิ่งมาราธอน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การศึกษาข้อมูลและทำเช็คลิสต์ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อลดโอกาสผิดพลาด และการเริ่มต้นตั้งแต่อายุน้อยคือความได้เปรียบอย่างมหาศาล เพราะคนรุ่นใหม่เข้าใจเทรนด์ผู้บริโภคได้ดีกว่า

"ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่เกิน 100 ปีแน่นอน ดังนั้น การวางแผนการลงทุนเพื่ออนาคตจึงสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าเราเตรียมตัวดี ตายเร็วคนข้างหลังก็โชคดี แต่ถ้าตายช้า เราก็จะไม่เดือดร้อนใคร" เซียนมี่ กล่าวทิ้งท้าย




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ