สกู๊ปหน้า 1 : พลังงานเพื่อทุกคน “B10” ลดฝุ่น PM2.5

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

สกู๊ปหน้า 1 : พลังงานเพื่อทุกคน “B10” ลดฝุ่น PM2.5

Date Time: 13 ม.ค. 2563 05:01 น.

Summary

“กระทรวงพลังงาน”...ตั้งเป้าหมายในปี 2563 เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงาน “Energy or All พลังงานเพื่อทุกคน”

Latest

เดิมพันครั้งใหญ่ SCB บอกเล่าถึง"ความอยู่รอด"ของธนาคารเก่าแก่ 100 ปี ในวันที่ AI และDigital กลืนกิน

“กระทรวงพลังงาน”...ตั้งเป้าหมายในปี 2563 เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงาน “Energy or All พลังงานเพื่อทุกคน”

หัวใจสำคัญคือการนำ “พลังงาน” เข้าไปหมุนระบบเศรษฐกิจของประเทศจากฐานรากซึ่งเมื่อ “เศรษฐกิจฐานราก” ได้ถูกขับเคลื่อนแล้ว ก็จะเป็นการยกฐานของประเทศขึ้นไปทั้งระบบ

ที่สำคัญ...ช่วยหนุนให้ภาค “เศรษฐกิจ” และ “อุตสาหกรรม” เดินหน้าต่อไปได้

ลงลึกในรายละเอียดนับตั้งแต่...แนวทางในการช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนด้านพลังงาน การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงไฟฟ้า...ทุกพื้นที่จะต้องมีไฟฟ้าใช้เพื่อยกระดับคุณภาพให้ “คนไทย” ทุกพื้นที่ได้มีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึง ด้วยการตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนกว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

การทำสถานีพลังงานชุมชนแบบครบวงจรที่สามารถนำพลังงานจากแสงอาทิตย์ ชีวมวล ขยะ...เชื้อเพลิงฟอสซิลมาบริหารจัดการในกิจกรรมต่างๆ เพื่อลดรายจ่ายด้านพลังงาน สร้างรายได้ต่อยอดอาชีพชุมชน

การสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้เกิดการใช้ “EV” อย่างเป็นรูปธรรม และการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ
ทั่วประเทศ ทั้ง “B10” เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดมาตรฐาน และ “B20” ที่ใช้สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดน้ำมันปาล์มมีความสมดุลมากขึ้น

แน่นอนว่าจะเป็นการสร้างเสถียรภาพ “ราคา” ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความ “ผันผวน” ราคาในตลาดโลกอีกด้วย

พุ่งเป้าไปที่นโยบายการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ “ไบโอดีเซล” ด้วยการส่งเสริมการใช้ “น้ำมันดีเซล B10” เป็นน้ำมันดีเซลฐานจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งการใช้จะสามารถแก้ปัญหา “น้ำมันปาล์มดิบ” ล้นตลาด ช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคา

...เป็นการช่วยเหลือ “เกษตรกรชาวสวนปาล์ม” อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ยังเกิดผลดีในการรักษาสิ่งแวดล้อมเพราะช่วยลดมลพิษ “ลดฝุ่น PM 2.5” ได้ด้วย และที่สำคัญคือสามารถช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมัน เพราะ B10 มีราคาถูกกว่าดีเซลเดิมลิตรละ 2 บาท

ช่วย “ประหยัด” ค่าใช้จ่ายลงได้อย่างชัดเจน

ส่วนรถยนต์ดีเซลที่ใช้ B10 ไม่ได้ อย่างรถรุ่นเก่าและรถยุโรปก็ยังคงมี B7 เป็นดีเซลทางเลือกไว้ให้ และมี B20 ซึ่งออกมาก่อนหน้านี้เป็นทางเลือกให้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แจกแจงอีกว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบโครงการปรับลดราคาน้ำมัน เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีการลดราคาขายปลีกน้ำมันบี 10 และอี 20 ลง 1 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2562 ถึง 10 มกราคม 2563 และใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดำเนินการร่วมกับสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)

แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ที่ผ่านมายังได้ให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตรึงราคาน้ำมันตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2562 ถึง 2 มกราคม 2563 เพื่อลดค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง

จากการที่กระทรวงพลังงานได้รณรงค์...ออกมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B10 เพื่อสร้างสมดุลปาล์มน้ำมันทั้งระบบของประเทศให้มีความยั่งยืน ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันไม่ให้ราคาผลผลิตตกต่ำ โดยเตรียมที่จะกำหนดให้ “น้ำมันดีเซล B10” ให้เป็น “น้ำมันดีเซลฐาน” ของประเทศ

ย้ำว่า... “กระทรวงพลังงาน” ยังมีมาตรการด้านราคาเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้น้ำมันดีเซล B10 เพิ่มขึ้น โดยกำหนดราคาให้ถูกกว่าน้ำมันดีเซล B7 ลิตรละ 1 บาท และได้เพิ่มส่วนต่างขึ้นอีก รวมเป็น 2 บาทต่อลิตร...โดยได้มีการคาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้ดีเซล B10 จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณวันละ 50 ล้านลิตร

ซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้ไบโอดีเซล (B100) ได้ประมาณ 7.0 ล้านลิตรต่อวัน

“เราตั้งเป้าหมายที่ต้องการส่งเสริมการใช้ดีเซล B10 ไปให้ถึง 57 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะสามารถดูดซับน้ำมันปาล์มดิบหรือ CPO ในภาคพลังงาน ให้ได้ประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดของประเทศในปัจจุบัน...หรือประมาณปีละ 2.2 ล้านตัน ซึ่งจากตัวเลขนี้จะช่วยสร้างสมดุลปาล์มน้ำมันทั้งระบบได้”

เหลียวมองไปในส่วนของ “ผู้ค้าน้ำมัน” ได้ให้ความร่วมมือในการส่งเสริมนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B10 ซึ่งในวันที่ 1 มกราคม 2563 คลังน้ำมันทุกแห่งจะมีน้ำมันดีเซล B10 จำหน่ายรับปีใหม่ และในวันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จะมีจำหน่ายในทุกสถานีบริการน้ำมันจากปัจจุบันมีจำหน่ายแล้ว 450 แห่ง

ประเด็นน่าสนใจมีว่า...การส่งเสริมให้มีการใช้น้ำมันดีเซล B10 แทน B7 นอกจากจะช่วยสร้างสมดุลปาล์มน้ำมันทั้งระบบแล้ว ยังช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้อีกด้วย

ผลการศึกษาพบว่า การใช้น้ำมันดีเซล B10 จะช่วยลดฝุ่นละออง (PM) ลงได้ประมาณ 15% และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ลงได้ประมาณ 3.5% หรือ 300 ตันต่อปี

การกำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว “บี 10” ให้เป็น “น้ำมันดีเซลฐาน” ของประเทศ โดยมีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว “บี 7” และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว “บี 20” เป็นน้ำมันดีเซลทางเลือก

ปัจจุบันมีค่ายรถยนต์เกือบทุกค่ายให้การรับรองว่า...สามารถใช้น้ำมันดีเซล B10 ได้ โดยเฉพาะรถยนต์ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ยกเว้นค่ายยุโรป เช่น Benz หรือ BMW ที่ยังไม่สามารถใช้ได้

โดยที่จำนวนรถยนต์ที่ใช้ดีเซลทั้งหมดมีประมาณ 10.5 ล้านคัน รถยนต์ที่ค่ายรถรับรองว่าใช้ B10 ได้ มีอยู่ราวๆครึ่งหนึ่ง อยู่ที่ 5.3 ล้านคัน ที่เหลืออีกร้อยละ 50 จะเป็นในส่วนของรถยุโรปและรถยนต์รุ่นเก่า

โดยเฉพาะส่วนที่เป็น “รถยนต์รุ่นเก่า” จะเป็นรถที่หมดการรับประกันจากค่ายรถแล้ว

ดังนั้น หากนโยบายด้านราคาจูงใจผู้ใช้รถเก่าเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนใจมาใช้ B10 ในอนาคต ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7...เป็นน้ำมันดีเซลทางเลือก สำหรับรถยุโรปและรถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่สามารถใช้ B10 ได้

และยังมีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20...น้ำมันดีเซลทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่

สำหรับความพร้อมของผู้ผลิต “ไบโอดีเซล (บี 100)” ปัจจุบันผู้ผลิตไบโอดีเซล ที่เป็นไปตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่องกำหนดลักษณะและคุณภาพของไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน พ.ศ. 2562 เพื่อให้สามารถใช้ผสมเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วได้ทุกชนิด มีทั้งหมด 13 ราย โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 8.272 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่มีเป้าหมายความต้องการใช้ไบโอดีเซลในภาคพลังงาน อยู่ที่ 7.0 ล้านลิตรต่อวัน

ตอกย้ำ...ประโยชน์ของการผลักดันให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศ ข้อดีแรก...สร้างสมดุลปาล์มน้ำมันทั้งระบบในประเทศ ปริมาณการใช้...ภาคพลังงาน และเพื่อการบริโภค

ข้อดีถัดมา...ช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน และข้อดีสุดๆ...ต่อสภาพแวดล้อมชีวิตความเป็นอยู่ผู้คนก็คือ “ช่วยลดมลพิษทางอากาศ...ปริมาณฝุ่น
PM 2.5” แล้วก็ยังมีข้อดีโบนัสของแถมสำคัญคือ...“ประชาชน” ได้ใช้น้ำมัน “ราคาถูก”

“B10” พลังงานเพื่อทุกคน เพียงแค่ช่วยกันเติมคนละลิตร นอกจากจะพลิกชีวิตเกษตรกรสวนปาล์ม ยัง...พลิกชีวิตคนเมืองชีวิตติดกับดักฝุ่นจิ๋วพิษ “PM 2.5” อันตรายสะสมถึงตาย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ