สรุปข้อพิพาท ทำไม “เนสกาแฟ” ถูกศาลสั่งห้ามผลิตและจำหน่ายในไทย

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สรุปข้อพิพาท ทำไม “เนสกาแฟ” ถูกศาลสั่งห้ามผลิตและจำหน่ายในไทย

Date Time: 11 เม.ย. 2568 16:30 น.

Video

SENA สร้างโซลูชันธุรกิจ แก้ปัญหาสังคม แก้วิกฤติอสังหาฯ ขายไม่ออก | On The Rise

Summary

สะเทือนวงการกาแฟ! เนสท์เล่-มหากิจศิริ ปมขัดแย้งร่วมทุน 34 ปี ส่อปิดตำนาน “เนสกาแฟ” เมืองไทย ที่อาจไร้กลิ่นหอมของกาแฟ

Latest


กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงวงกว้าง จากกรณีข้อพิพาททางธุรกิจระหว่างเนสท์เล่และบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด หรือ QCP ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเนสท์เล่และกลุ่มมหากิจศิริ ถือหุ้นร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2533 แบบ 50/50 โดยมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 500,000,000 บาท

ภายใต้สัญญานี้ เนสท์เล่มีอำนาจบริหาร ผลิตและจัดจำหน่าย รวมทั้งการทำการตลาดผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ โดยเทคโนโลยีเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเนสท์เล่ ต่อมาในปี 2564 เนสท์เล่แจ้งยุติสัญญาการให้สิทธิผลิตกับ QCP และมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายตั้งแต่ 31 ธ.ค. 2567

แต่หลังจากสัญญายุติ ผู้ถือหุ้นของทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงเรื่องการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทฯ ได้ จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายขาดสะบั้นลง

ตามมาด้วยกรณีฟ้องร้องโดยนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ หนึ่งในผู้ถือหุ้น QCP ที่ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ศาลแพ่งมีนบุรีออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เนสท์เล่ผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย

ทั้งนี้ ฝั่งเนสท์เล่เคลื่อนไหวโดยออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยต่อผลกระทบในวงกว้างจากคำสั่งศาลแพ่งมีนบุรีที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามบริษัทผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ “เนสกาแฟ” ในประเทศไทย

โดยระบุว่าคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นโดยที่ยังไม่ได้มีโอกาสเสนอข้อเท็จจริงต่อศาล แต่ยืนยันให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม และปฏิบัติตามคำสั่งศาล พร้อมดำเนินการยื่นคัดค้านและนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขอให้มีการพิจารณาใหม่

นอกจากนี้ เนสท์เล่ยังระบุอีกว่า คำสั่งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงผู้ประกอบการรายย่อย ร้านกาแฟขนาดเล็ก ซัพพลายเออร์ เกษตรกรไทยผู้ปลูกกาแฟและเกษตรกรโคนมในประเทศที่จัดส่งวัตถุดิบให้กับผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ โดยแต่ละปี เนสกาแฟรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบพันธุ์โรบัสต้าในไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณผลผลิตรวมของประเทศ

ในแถลงการณ์ยังระบุว่า “คำสั่งห้ามผลิตในประเทศ ทำให้ร้านค้าปลีกจำนวนมากไม่สามารถสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเติม และอาจกระทบต่อรสชาติและความต่อเนื่องทางธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยอย่างมีนัยสำคัญ”

“เนสท์เล่” ลั่นพร้อมสู้กลับ คำสั่งศาลสะเทือนห้ามผลิต-ขายเนสกาแฟ

ล่าสุด “เนสท์เล่” ยืนยันที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขสถานการณ์นี้ ผ่านการดำเนินการยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวต่อศาล พร้อมยื่นข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อการพิจารณาคำร้อง

ทั้งนี้ เนสท์เล่เป็นยักษ์ใหญ่อาหารและเครื่องดื่มโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอกว่า 2,000 แบรนด์ และสินค้าตลาดกว่า 180 ประเทศทั่วโลก โดยเนสท์เล่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 130 ปี และได้ลงทุนในไทยไปแล้วกว่า 22,800 ล้านบาท ในระหว่างปี 2561-2567

ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี ของบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ดังนี้

  • ปี 2566 รายได้รวม 17,183 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,067 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้รวม 17,115 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,403 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้รวม 15,459 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,704 ล้านบาท

นั่นจึงทำให้เราต้องจับตาดูกันต่อไปว่าสมรภูมิในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร ทางออกที่ดีที่สุด และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งเกษตรกร ผู้บริโภค และพ่อค้าแม่ค้า จะได้รับคำตอบอย่างไรก็ต้องคงติดตามกันต่อไป

อ่านข่าวการตลาด และเทรนด์ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ