วิกฤติการจ้างงาน คนรุ่นใหม่ใช้ ChatGPT เขียนใบสมัคร ฝ่าย HR ใช้ AI อ่านใบสมัคร แต่ไม่มีใครได้งาน

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

วิกฤติการจ้างงาน คนรุ่นใหม่ใช้ ChatGPT เขียนใบสมัคร ฝ่าย HR ใช้ AI อ่านใบสมัคร แต่ไม่มีใครได้งาน

Date Time: 12 ก.ย. 2568 16:03 น.

Video

หุ้นถูกมีจริง! เลือกหุ้นปันผลและหุ้นเติบโตยังไงให้รวยในยุคนี้? | Thairath Money Night Stand EP.12

Summary

ภาพตลาดแรงงานในสหรัฐฯ กลายเป็นสนามรบระหว่าง AI กับ AI ที่กำลังเผชิญกับปรากฏการณ์แปลกใหม่ที่ทั้งผู้หางานและนายจ้างต่างใช้เทคโนโลยี AI ในการต่อสู้กัน ที่ทำให้การหางานกลายเป็นเรื่องยากขึ้นกว่าเดิม

Latest


The Job Market Is Hell  บทความจาก The Atlantic เผยให้เห็นภาพตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ที่กลายเป็นสนามรบระหว่าง AI กับ AI ที่กำลังเผชิญกับปรากฏการณ์แปลกใหม่ที่ทั้งผู้หางานและนายจ้างต่างใช้เทคโนโลยี AI ในการต่อสู้กัน ที่ทำให้การหางานกลายเป็นเรื่องยากขึ้นกว่าเดิม 

ศึก AI ในตลาดงาน

Harris นักศึกษาจบใหม่จาก UC Davis เป็นตัวอย่างชัดเจนของปัญหานี้ เขามีประวัติที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์ฝึกงาน เกรดเฉลี่ยเกือบเต็ม และยินดีทำงานอะไรก็ได้เพื่อสร้างอาชีพในฝัน แต่เมื่อสมัครงาน 200 ตำแหน่ง กลับไม่ได้รับการตอบกลับแม้แต่ครั้งเดียว

เหตุผลสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกระบวนการสมัครงาน ผู้หางานหันไปใช้ ChatGPT และ AI ต่างๆ ในการเขียนเรซูเม่และตอบคำถามคัดกรอง เพราะเชื่อว่าการเขียนของ AI "เป็นทางการ" และมีโอกาสผ่านการคัดเลือกมากกว่า

ในขณะเดียวกัน ฝั่งนายจ้างก็ตอบโต้ด้วยการใช้ AI เพื่อจัดการกับใบสมัครที่ท่วมท้น จากการสำรวจของ Boston Consulting Group พบว่า หัวหน้าฝ่าย HR ใช้ AI ในการเขียนประกาศรับสมัคร ประเมินผู้สมัคร นัดสัมภาษณ์ และคัดกรองใบสมัคร บางบริษัทใช้ chatbot สัมภาษณ์ผู้สมัครผ่านระบบคล้าย Zoom โดยให้อัลกอริทึมวิเคราะห์คำตอบและน้ำเสียง

สถานการณ์นี้สร้างปัญหาใหญ่ ผู้สมัครงานส่งใบสมัครเป็นพันๆ ฉบับแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ เหมือนกับการเล่นแอปหาคู่ที่สไลด์ไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะได้อะไรตอบกลับ

Martine  ผู้ช่วยทนายความในเวอร์จิเนียที่ถูกเลิกจ้างในเดือนเมษายน เล่าว่า "ฉันมีประสบการณ์ 10 ปี แต่ตอนนี้ฉันจะดีใจถ้ามีคนบอกว่า 'ไม่' กับฉันสักครั้ง" เธอส่งใบสมัครหลายสิบฉบับ ผ่านเข้ารอบสองได้บ้าง แต่ไม่เคยได้งาน

Priya Rathod ผู้เชี่ยวชาญจาก Indeed อธิบายว่าเธอเข้าใจที่คนหางานรู้สึกเหมือนเรซูเม่ "หายไปในความว่างเปล่า" แต่เชื่อว่า AI สามารถช่วยให้ผู้สมัครที่เหมาะสมผ่านเข้าสู่ขั้นสัมภาษณ์ได้เร็วขึ้น

วิกฤติตลาดแรงงานยุคใหม่

ปัญหาไม่ได้จบแค่การใช้ AI เท่านั้น ตลาดแรงงานสหรัฐฯ กำลังเผชิญการชะลอตัวครั้งใหญ่ แม้อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 4.3% และกำไรบริษัทยังแข็งแกร่ง แต่การจ้างงานแทบหยุดนิ่งมา 4 เดือน

เมื่อ 4 ปีก่อน นายจ้างเพิ่มพนักงาน 4-5 คนทุกๆ 100 คนที่มีอยู่ ขณะนี้เพิ่มเพียง 3 คน ระยะเวลาเฉลี่ยในการหางานเพิ่มขึ้นเป็น 10 สัปดาห์ นานกว่าเดิม 2 สัปดาห์

สถานการณ์แย่ลงเมื่อรัฐบาลทรัมป์ปลดพนักงานรัฐบาลกลาง 154,000 คน ส่งผลให้คนงานผิวดำประสบการเพิ่มขึ้นของการว่างงานอย่างรุนแรง ส่วนคนงานอายุต่ำกว่า 24 ปีมากกว่า 10% กำลังหางาน

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คนหางานกลับไปใช้วิธีดั้งเดิม เช่น การสร้างเครือข่าย ชวนนักสรรหาดื่มกาแฟ เข้าร่วมงานหางานแบบตัวต่อตัว และติดต่อเพื่อนหรือนายจ้างเก่า

แต่ปัญหาใหญ่คือหากนายจ้างไม่กลับมาจ้างงาน คนหลายล้านคนอาจต้องติดอยู่ในวงจรส่งประวัติไปสู่ "ความว่างเปล่า" ต่อไป โดยที่ AI ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันโดยที่มนุษย์กลับไม่ได้รับประโยชน์

การแข่งขัน AI vs AI นี้ไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงวิธีการหางาน แต่ยังสร้างช่องว่างใหญ่ระหว่างผู้หางานกับนายจ้าง ทำให้ตลาดแรงงานกลายเป็นสนามรบดิจิทัลที่ทุกฝ่ายต่างใช้เทคโนโลยีแต่ไม่มีใครชนะ



อ้างอิงจาก The Atlantic





Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ