งาน Asia DigiCommerce Services Expo 2025 หรือ ADSX 2025 เปิดฉากอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมดัน SME ไทยสู่เวทีการค้าดิจิทัลโลก
นางสาวอาบี ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเอ็กซ์ เอ็กซโป จำกัด ผู้จัดงาน Asia DigiCommerce Services Expo 2025 ที่จัดระหว่างวันที่ 11 – 13 มิถุนายน 2568 ณ ฮอลล์ 8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยระบุว่า สำหรับวัตถุประสงค์การจัดงาน เพื่อเป็นระบบนิเวศแห่งนวัตกรรมที่เชื่อมโยงผู้เล่นสำคัญทั่วภูมิภาคเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ ดิจิทัลเพย์เมนต์ โลจิสติกส์ หรือบริการ AI เพื่อโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และสร้างแรงบันดาลใจที่จะผลักดันภูมิภาคเอเชีย ให้กลายเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัล
ทั้งนี้ จากมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียคาดว่าจะเติบโตกว่า 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 และ ตลาดไทยเองเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% โดยมี SME กว่า 3 ล้านราย เข้าสู่โลกดิจิทัล งานนี้นับเป็นโอกาสแก่ผู้ประกอบการไทย เชื่อมยังโลกการค้า บนแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก พร้อม ชูแนวคิด Connected, Efficient, and Future-Ready ในการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าแห่งอนาคต
สราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต รองผู้อำนวยการและรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า งานนี้ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซและนวัตกรรมระดับโลก การจัดงาน ADSX 2025 เป็นอีกหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงศักยภาพของไทย ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทรัพยากรบุคคล และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั่วโลกในการจัดแสดงสินค้านี้ จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) และส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า งาน ADSX 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่แสดงถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดันผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SME ให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมุ่งสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของภาคการผลิตไทยสู่ “SME ดิจิทัล ผ่านการยกระดับเทคโนโลยี เช่น AI, IoT, Automation และการใช้แพลตฟอร์ม E-commerce ตลอดจนการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล (Upskill & Reskill) และการเชื่อมโยงธุรกิจกับตลาดต่างประเทศผ่านเครือข่ายพันธมิตร
พร้อมเน้นว่าแนวทางดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศสู่ อุตสาหกรรม 5.0 ที่ผสมผสานเทคโนโลยีกับศักยภาพของมนุษย์ โดยงานนี้ไม่เพียงเป็นพื้นที่แสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้จับคู่ธุรกิจ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างความร่วมมือกับผู้เล่นระดับสากลในระบบนิเวศดิจิทัลอย่างแท้จริง
Waiwai WOW : นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ไวไว (WaiWai) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่มพรีเมียม แบรนด์ไวไว ว้าว (Waiwai WOW) ในราคา 11 บาท เพื่อบุกตลาดกลุ่มบะหมี่พรีเมียมที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง จากการเห็นโอกาสทางการตลาดหลังทำการศึกษาข้อมูลและวิจัยตลาดมานาน ซึ่งพบว่าผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้การยอมรับกับสินค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้น
"นับตั้งแต่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเกาหลี เข้ามาทำตลาดกลุ่มพรีเมียมซึ่งวางขายในราคาซองละ 55 บาท ซึ่งปัจจุบันมองเห็นว่าเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีจะเปิดตัวสินค้าใหม่ เพราะผู้บริโภคให้การยอมรับทั้งเรื่องของรสชาติและราคา ซึ่งในท้องตลาดยังมีสินค้าจากแบรนด์อื่นที่ทำตลาดกลุ่มพรีเมียมด้วย โดยขายซองละ 15 บาท และยังพบว่าปัจจุบันสินค้ากลุ่มพรีเมียมเติบโตสูงด้วยตัวเลข 2 หลัก แต่สินค้าทั่วไปที่ขายซองละ 7 บาทเติบโตเพียงตัวเลขหลักเดียวเท่านั้น"
จากความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์และโอกาสทางตลาด บริษัทจึงเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียม ไวไว ว้าว (Waiwai WOW) บุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียม ซึ่งในเบื้องต้นจะเปิดตัว 2 รสชาติ ได้แก่ รสโคเรี่ยน สไปซี่ซีฟู้ด (Korean spicy seafood) และรสแกงกะหรี่ญี่ปุ่นชีส (Japanese curry cheese)
โดยเบื้องต้นวางจำหน่ายในร้าน 7-11 ทุกสาขาก่อน 1 เดือน หลังจากนั้นจะกระจายไปยังช่องทางต่าง ๆ ทั้งโมเดิร์นเทรดและร้านค้าทั่วไป นอกเหนือจาก 2 รสชาติดังกล่าว บริษัทวางแผนเปิดตัวรสชาติใหม่เพิ่มอีก 4 รสชาติ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569
สำหรับ ไวไว ว้าว บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปีแรกประมาณ 300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดรวม Premium ที่มีสัดส่วนประมาณ 10-15 % หรือ ประมาณ 3,000-4,500 ล้านบาท ในมูลค่าตลาดรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยภายในระยะ 3 ปี ตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายคิดสัดส่วน 25% ของมูลค่าตลาดพรีเมียม
โดยการบุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่มพรีเมียมครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีส่วนผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง และช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแบรนด์ไวไวให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นเป็น 25% ภายในระยะ 3 ปีนับจากนี้
นายยศสรัล กล่าวอีกว่า การเปิดตัว ไวไว ว้าว หรือ Waiwai WOW ได้ใช้กลยุทธ์ด้านราคาขายซองละ 11 บาท ซึ่งเป็นราคที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย เพราะราคาเพิ่มขึ้นเพียง 4 บาทจากราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปกติที่จำหน่ายซองละ 7 บาทเท่านั้น และยังถือว่าต่ำกว่าแบรนด์คู่แข่งในตลาดที่จำหน่ายซองละ 15 บาทด้วย จึงมั่นใจว่าสินค้าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างแน่นอน
นอกจากการใช้กลยุทธ์ด้านราคา บริษัทยังให้ความสำคัญในเรื่องรสชาติที่มีการพัฒนามาจากต้นตำรับแท้ ๆ จากเกาหลีและญี่ปุ่น จึงเชื่อว่าหากลูกค้าได้ทดลองสินค้าใหม่ จะชื่นชอบรู้สึก WOW อย่างแน่นอน เนื่องจากตัวเส้นมีความพิเศษ เป็นรสชาติสัมผัสใหม่จากไวไว ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนการตลาดและกลยุทธ์การตลาดอื่น ๆ เสริมอย่างต่อเนื่อง โดยจัดสรรงบประมาณการตลาด 10-15% ของยอดขาย เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อาทิ การพัฒนาเกมออนไลน์ หรือการเข้าร่วมกับเกมออนไลน์ในการทำกิจกรรมการตลาด การใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างแบรนด์กับกลุ่มเด็กและวัยรุ่นตามโรงเรียนต่าง ๆ การใช้กลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสื่อสารการตลาด เป็นต้น
"กลุ่มเป้าหมายหลักเบื้องต้นเป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่จะมีการสื่อสารและสร้างแบรนด์โดยใช้ช่องทางออนไลน์ และกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ แต่กลุ่มเป้าหมายสำคัญสำหรับของแบรนด์ไวไว ว้าวคงเป็นผู้บริโภคทุกคน"
สำหรับทิศทางตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในช่วงที่ผ่านมา ถือว่ามีความคึกคักพอสมควรจากการเปิดตัวรสชาติใหม่ของแบรนด์ต่าง ๆ แต่การเติบโตยังอยู่ในอัตราเลขตัวเดียว ส่วนช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าภาพรวมตลาดยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ยังคงบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างต่อเนื่อง และภาพรวมตลาดบะหมี่ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงคึกคักจากการที่แต่ละแบรนด์มีการออกสินค้าใหม่มาทำตลาดด้วย โดยเฉพาะตลาดบะหมี่ในกลุ่มพรีเมียมซึ่งมีอัตราการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลักทุกปี และปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 10% ของมูลค่าตลาดรวม คิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาทด้วย
คว้ารางวัลใหญ่ : บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all เชื่อมโยงทุกธุรกิจทั้ง Retail-Residence-Hotel-Office ตอกย้ำความสำเร็จผู้นำอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจรีเทลไทยในระดับเอเชีย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย คว้า 2 รางวัลใหญ่จากเวที Retail Asia Awards 2025
นำโดย รางวัล Eco-Friendly Mall of the Year – Thailand จากการพัฒนาโครงการ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ต้นแบบศูนย์การค้ารักษ์โลกแห่งแรกของเซ็นทรัลพัฒนา และรางวัล Integrated Campaign of the Year – Thailand จากการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกประสบความสำเร็จ สะท้อนความมุ่งมั่นขององค์กรในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่การส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยรางวัลนี้จัดขึ้นโดย Retail Asia สื่อชั้นนำด้านธุรกิจรีเทลของเอเชียที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ