อัจฉรา บุรารักษ์ หรือ “ปลา ไอเบอร์รี่” คือ 1 ในนักธุรกิจหญิงชั้นนำแห่งยุค นอกจากความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ความสำเร็จของเธอยังจับต้องและวัดผลได้
อัจฉรา บุรารักษ์ หรือ “ปลา ไอเบอร์รี่” คือ 1 ในนักธุรกิจหญิงชั้นนำแห่งยุค นอกจากความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ความสำเร็จของเธอยังจับต้องและวัดผลได้ โดยธุรกิจอาหาร 4 บริษัทที่เธอบริหารร่วมกับหุ้นส่วน อันประกอบด้วย บริษัท ไอเบอร์รี่ โฮมเมด จำกัด, บริษัท ทองสมิทธ์ สยาม จำกัด, บริษัท เดอะ แพลทเทอร์ มหานคร จำกัด และบริษัท โอเอ็มจีเอ็ม แบงคอก จำกัด มีรายได้รวมในปี 2567 ที่ 4,400 ล้านบาท กำไร 826 ล้านบาท
“เดือนส.ค. 2568 ที่ผ่านมา ปลาเปิดร้านใหม่ไป 5 - 6 ร้าน เป็นช่วงที่ “มีไฟโดยไม่ต้องเติมฟืน” ปลาเร่ิมทำไอศครีมขายตั้งแต่อายุ 22 ปี จนตอนนี้อายุ 49 ทำมา 27 ปีแล้ว การยอมรับจากทุกคน ตั้งแต่ลูกค้า ทีมงาน พันธมิตร มันมีความหมายกับปลามาก มันชื่นใจ ทำให้มีแรง มีกำลัง มีความสุข เห็นแลนด์ลอร์ด(เจ้าของพื้นที่)อย่างกลุ่มเซ็นทรัล เดอะมอลล์ สยามพิวรรธน์ ตั้งใจทำห้าง แลนด์มาร์กสวยๆ ดึงดูดให้คนมาเที่ยว เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ทำให้ปลาอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างฉากทัศน์ด้านอาหาร (Food Scene) ให้กับประเทศไทย ถ่ายทอดวัฒนธรรมอาหารไทยสู่ระดับโลก ปลายปี 2568 นี้ ปลาจะบุกตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรก จะเอาก๋วยเตี๋ยวเรือ “ทองสมิทธ์” ไปเปิดสาขาในฮ่องกงและจีน เป็นอีกก้าวของความฝัน ที่อยากให้ทำก๋วยเตี๋ยวเรือไทยโด่งดังเหมือนราเมงของญี่ปุ่น”
ความมุ่งมั่นที่จะยกระดับอาหารไทยของคุณปลา สะท้อนผ่านการริเริ่มแบรนด์ใหม่ๆ อย่างชัดเจน ล่าสุดเป็นร้านอาหารไทยสไตล์โรงน้ำชา “บุรามาลี” (BuraMarie)นำเสนออาหารไทยพร้อมชาเบลนด์พิเศษ จากดอกไม้และผลไม้ไทยกว่า 10 ชนิด เพราะอยากสนับสนุนชาไทยให้ได้รับความนิยม ไม่ให้น้อยหน้าชาจีนหรือชาเขียวจากญี่ปุ่น
“ภายในสิ้นปี 2568 ปลาจะเปิดแบรนด์ใหม่อีก 2 แบรนด์ ได้แก่ “สเลญวน” (Slay Yuan)อาหารเวียดนามแนวแซ่บแบบอีสาน และ Goodsmood แบรนด์เครื่องดื่มจากเชียงใหม่ที่เราเอามาต่อยอด ขายสมูทตี้วัตถุดิบธรรมชาติ 100%”
ปัจจุบัน ร้านอาหารภายใต้การบริหารของคุณปลา ประกอบด้วย 1. บริษัท ไอเบอร์รี่ โฮมเมด ได้แก่ ร้านกับข้าวกับปลา, รสนิยม, เจริญแกง, เบิร์นบุษบา, โรงสี ฟ้าปลาทาน 2.บริษัท ทองสมิทธิ์ ได้แก่ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือทองสมิทธ์, โต๊ะคิม, ทองสวีท 3.บริษัท แพลทเทอร์ ได้แก่ ร้าน Frans, ชิ้นโบแดง, Roru, อันเกิมอันก๋า, บุรามาลี 4. บริษัท โอเอ็มจีเอ็ม ได้แก่ ร้านขนม Oh my god mother
ปี 2568 ยังเป็นปีที่ไอเบอร์รี่กรุ๊ปปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ทั้งหมด ผนึก 4 บริษัทที่คุณปลาร่วมถือหุ้น รวมเป็น 1 เดียวในนามไอเบอร์รี่ (อาจมีการปรับเปลี่ยนชื่อใหม่เล็กน้อย ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป) สาเหตุแห่งการควบรวมกิจการเหลือเพียง 1 เดียว เพื่อความคล่องตัวในการบริหาร
“เอาจริง ๆ ปลาอยากหาความสงบสุขในใจ (Peace of Mind) บริหาร 4 บริษัท ขั้นตอนเยอะ เอามารวมกันดีกว่า ประหยัดต้นทุนด้วย และยังเป็นการปูพื้นฐานในอนาคต ทำเรื่องนี้สำเร็จ เราจะมีความพร้อมในการเติบโตต่อไป ซึ่งรวมถึงการเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย แต่ยังไม่ใช่ในระยะเวลาอันใกล้ สำหรับปลา การเข้าตลาดหุ้นไม่ใช่แค่การระดมทุน ซึ่งขณะนี้ยังไม่จำเป็น แต่เป็นการให้ผลตอบแทนกับทีมงานของปลา”
“ปลามาถึงจุดนี้ได้เพราะลูกน้องที่ไม่เคย Give up (ยอมแพ้) กับ “ความเอาอีก” ของปลา” (จากหนังสือ “ประสบการณ์จริง Plaiberry” โดยนิ้วกลม)
นอกจากปรับโครงสร้างบริษัทใหม่แล้ว ปีนี้คุณปลายังควักกระเป๋ากว่า 1,000 ล้านบาท ลงทุนครัวกลางใหม่ บนพื้นที่ 12 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง จากปัจจุบันมีครัวกลางกระจายอยู่ 2-3 แห่ง ซึ่งจะถูกยุบไปรวมไว้ที่เดียว ณ ครัวกลางใหม่แห่งนี้ มีการลงทุนระบบอัตโนมัติที่ทันสมัย แต่ก็ยังมีกำลังคนจำนวนไม่น้อย เพราะเคล็ดลับการปรุงวัตถุดิบ เครื่องแกงต่างๆยังต้องให้แน่ใจว่าต้องมีรสชาติของงานทำมือ (Craft) อยู่
จักรวาลของปลาไอเบอร์รี่ที่ยิ่งใหญ่ขยายกิ่งก้านสาขาไปสู่ 18 แบรนด์อาหาร 187 สาขาทั่วประเทศ (ณ วันที่ 4 ก.ย.2568) นำไปสู่คำถามที่ว่า คุณปลาทำได้อย่างไร คำตอบอยู่ที่ทีมงานจำนวน 3,000 คน ที่ช่วยขับเคลื่อนให้เครือข่ายของคุณปลาเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นทุกวันนี้ “งานร้านอาหารมี 3 ส่วนที่สำคัญ 1.งานบริการหน้าบ้าน งานครัวหลังบ้าน 2.งานบริหารต้นทุน ประเมินกำไร-ขาดทุน (Profit and Loss Statement) 3.งานพัฒนา วิจัยสูตรอาหารใหม่ๆ ทั้ง 3 สิ่งนี้ขาดไม่ได้ ปลามีทีมงานที่เป็นแขน เป็นขา เป็นลิ้นแทนปลา รู้ว่าต้องรักษารสชาติแบบไหน ตรวจสอบตลอดเวลาให้ได้มาตรฐาน หลายคนร่วมงานกันมา 20 ปีแล้ว”
นอกจากพนักงานร้านจำนวนมาก คุณปลามีทีมประจำออฟฟิศอยู่ที่ประมาณ 160 คน ในจำนวนดังกล่าวเป็นคนที่ยาสารพัดนึก เนรมิตความคิด-ความฝัน-ความฟินของคุณปลาให้เป็นจริงอยู่ราว 15 คน
ย้อนไปในวัยเด็ก ด.ญ.อัจฉราเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีเป้าหมายหรือความฝันใดที่แจ่มชัด เธอเติบโตในครอบครัวข้าราชการ ชอบช่วยคุณแม่ทำอาหาร ตอนเป็นแอร์โฮสเตสมีโอกาสเดินทาง ชิมไอศกรีมอร่อยๆ ในต่างประเทศ จึงคิดอยากใช้ผลไม้ไทยทำไอศกรีมบ้าง ซึ่งน่าจะอร่อยและหลากหลาย เป็นจุดเริ่มต้นของร้านไอศกรีม “ไอเบอร์รี่” (iberry) แล้วต่อยอดไปสู่การขายอาหารนานาชนิด
จากไอเดียเล็กๆวันนั้นนำมาสู่อาณาจักรไอเบอร์รี่ในวันนี้ ไอเดียเล็กๆ และการลงมือทำ นำพาผู้หญิงคนหนึ่ง สู่ความสำเร็จทั้งด้านการเงินและความปีติใจที่ได้สื่อวัฒนธรรมไทยผ่านจานอาหารของเธอ.
เลดี้แจน
คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม