นักธุรกิจปรับสภาพรับความเสี่ยงใหม่ เมื่อแผ่นดินไหวมาเยือนประเทศไทย

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

นักธุรกิจปรับสภาพรับความเสี่ยงใหม่ เมื่อแผ่นดินไหวมาเยือนประเทศไทย

Date Time: 7 เม.ย. 2568 06:29 น.

Summary

ในภาวะที่ประเทศไทยกำลังเปราะบาง ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า การส่งออก โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกามหามิตร ความเชื่อมั่นที่พังทลายจากภาพตึก สตง.ยังเป็นอีก 1 ระเบิดเวลาที่ถล่มมายังธุรกิจท่องเที่ยว ที่กำลังเป็นเครื่องยนต์สุดท้ายของเศรษฐกิจไทย

Latest

ตำนาน 70 ปี "นันยาง"รองเท้าคู่ใจ ส่งรุ่นลิมิเต็ด“พิทักษ์ 68”เคียงข้างทหารไทย 

ภาพอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่  ที่พังครืนลงมาระหว่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568

สร้างความหวาดหวั่น ไปพร้อมๆกับซัดสาดความเชื่อมั่นที่มีต่อมาตรฐานความปลอดภัยในอาคาร สำนักงาน รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทย

แม้อาคาร สตง.จะเป็นเพียงอาคารเดียวที่ถล่มลงมาจากแรงสั่นสะเทือน 5.1 (ข้อมูลจาก the U.S. Geological Survey หรือ USGS) ที่วัดได้ ณ พื้นที่เขตจตุจักร ที่ตั้งของ อาคารสำนักงานดังกล่าว นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น

แต่เมื่อภาพตึกถล่มถูกถ่ายทอดซ้ำไปซ้ำมาผ่านสื่อหลักและสื่อรองทั่วโลก ประเทศไทยจึงกลายเป็นเหยื่อภัยพิบัติแผ่นดินไหวร่วมกับเมียนมา

2 วันหลังเกิดเหตุ สมาคมสายการบินประเทศ ไทย ประกอบด้วยสมาชิก 6 สายการบิน ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส, ไทยแอร์เอเชีย, ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์, ไทยไลอ้อนแอร์, เวียตเจ็ทไทยแลนด์ และนกแอร์ พบว่า 90% ของผู้จองตั๋วขอเลื่อนเดินทาง 10% ขอยกเลิกทันที ขณะที่ยอดจองที่ควรจะมีเข้ามา ลดลง 40-60%

ในภาวะที่ประเทศไทยกำลังเปราะบาง ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า การส่งออก โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกามหามิตร ความเชื่อมั่นที่พังทลายจากภาพตึก สตง.ยังเป็นอีก 1 ระเบิดเวลาที่ถล่มมายังธุรกิจท่องเที่ยว ที่กำลังเป็นเครื่องยนต์สุดท้ายของเศรษฐกิจไทย

นอกจากตึกเพียง 1 เดียว ที่เหลือ...ทั้งอาคาร สำนักงาน สิ่งปลูกสร้างอื่น ยังไม่มีแห่งใดอีกที่ถล่มลงมา การสึกกร่อน รอยร้าวที่ปรากฏไม่ได้สะท้อนโครงสร้างที่มีปัญหา แต่ธุรกิจต่างๆนานาที่เกี่ยวข้องต้องปรับมุมมองธุรกิจ รับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอันเป็นความเสี่ยงใหม่ พร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่น

อุทัย อุทัยแสงสุข
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

เหตุการณ์ในครั้งนี้ควรเป็นโอกาสในการให้ความรู้กับสาธารณชนว่า “รอยร้าวทางสถาปัตย์” ไม่ได้แปลว่า “โครงสร้างมีปัญหา” และต้องเน้นการสื่อสารกับลูกบ้านอย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่น

“เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้แม้สร้างความตื่นตระหนกแต่ไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างร้ายแรงกับอาคารในกรุงเทพฯ ซึ่งมีมากกว่า 6,000 อาคาร พบเพียงอาคารเดียวที่เกิดปัญหาและยังอยู่ระหว่างการสอบสวนสาเหตุ”

สำหรับการปรับตัวของธุรกิจ น่าจะเกิดผลกระทบระยะสั้น เหมือนเหตุการณ์น้ำท่วม ทำคนย้ายไปอยู่คอนโดมิเนียม พอเกิด โควิดคนหนีกลับไปอยู่บ้าน  พอสักระยะคนกลับมาอยู่คอนโดมิเนียมตามเดิม เช่นเดียวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว มองว่าเป็นพฤติกรรม ระยะสั้น “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะยังคงเดินหน้าต่อไปได้หากมีระบบรับมือที่ดี มีมาตรฐานการก่อสร้างที่เข้มแข็ง และสื่อสารกับลูกค้าอย่างโปร่งใส”

สรุปแนวทางการทำงานและบทเรียนหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา แสนสิริไม่พบปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงทำให้ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย “2 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์ เราได้ตั้ง War Room บริหารสถานการณ์และเริ่มตรวจสอบอาคารในโครงการทั้งหมด 225 โครงการ รวมถึงโครงการที่กำลังก่อสร้างอีกกว่า 20 โครงการ ระดมพันธมิตร เช่น ทีมงานก่อสร้าง  บริษัทออกแบบ ผู้ออกแบบโครงสร้าง และผู้ควบคุมงานก่อสร้าง เริ่มตรวจสอบอาคารในวันรุ่งขึ้น  เน้นตรวจสอบ 1.เสา-โครงสร้างอาคาร 2.ระบบป้องกันอัคคีภัย 3.ระบบลิฟต์ 4.ระบบไฟฟ้าและประปา 5.งานสถาปัตยกรรม”

“จากการตรวจสอบพบว่า ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเชิงสถาปัตยกรรม เช่น ผนังร้าว กระเบื้องแยก ไม่ได้กระทบกับโครงสร้างอาคารโดยตรง ภาพรวมสถานการณ์ตรวจสอบครบแล้วทั้ง 225 โครงการ รวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต และพัทยา โดยพบความเสียหายเชิงโครงสร้างน้อยมาก ระบบลิฟต์ในบางโครงการได้รับผลกระทบบ้าง คาดว่าทุกโครงการจะกลับมาใช้งานได้มากกว่า 50% ภายในเดือน เม.ย. ส่วนระบบไฟฟ้าไม่พบปัญหา ทุกระบบกลับมาใช้งานได้ 100%”

นวลพรรณ ล่ำซำ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดไม่ใช่แค่แรงสั่นสะเทือนใต้พื้นดิน แต่มันคือ “Wake–Up Call” สำคัญ ที่เขย่าความเชื่อเดิมๆ ที่เราหลายคนเคยมีว่า “ประเทศไทยไม่น่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้”

ในช่วงเวลาที่ผู้คนเต็มไปด้วยความสับสน ความกลัว และคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ สิ่งสำคัญที่สุดคือ  “Crisis Management” เราต้องส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเคลมประกัน วิธีดูแลทรัพย์สิน หรือคำแนะนำในการป้องกันตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าเห็นทางออกจากวิกฤติได้เร็วที่สุด และรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย สิ่งที่เราต้องทำต่อไม่ใช่แค่กลับไปทำงานตามปกติ แต่คือการทบทวนอย่างจริงจังว่า ผลิตภัณฑ์และกรมธรรม์ของเรายังตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในโลกปัจจุบันได้ดีพอหรือไม่ และพร้อมรองรับความเสี่ยงรูปแบบใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วหรือยัง

บริษัทประกันภัยยังต้องยอมรับว่า วิธีคิดเดิมและเครื่องมือเดิมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เราต้องไม่ยึดติดกับสถิติในอดีต แต่เปิดรับข้อมูลใหม่ๆที่สะท้อนความเป็นจริงรอบตัว เช่น ภัย ธรรมชาติที่เกิดขึ้นถี่และรุนแรงขึ้นทุกปี และเทคโนโลยีไม่ควรเป็นแค่ระบบหลังบ้านอีกต่อไป แต่ต้องกลายเป็นหัวใจของการออกแบบบริการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ “ถ้าบริษัทประกันไม่ปรับตัวและไม่มองให้ไกลกว่าความเสี่ยงที่เห็นอยู่ตรงหน้า บริษัทประกันก็ไม่สามารถเป็นหลักมั่นคงที่ลูกค้าหันมาพึ่งพาในยามวิกฤติได้อย่างแท้จริง”

ในฐานะบริษัทประกันภัย อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า การทำประกันไม่ใช่เรื่องของความกลัว แต่คือการเตรียมตัวอย่างมีสติ  เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเองและคนที่เรารัก การเลือกประกันที่ดีไม่จำเป็นต้องเริ่มจากราคาที่ถูกเพียงอย่างเดียว แต่ควรเริ่มจากการถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากปกป้อง

ไม่ว่าจะเป็นชีวิตตัวเอง คนในครอบครัว หรือบ้านที่เราสร้างมาอย่างยากลำบาก จากนั้นให้มองหาประกันที่ตอบโจทย์ตรงนั้นจริงๆ โดยดูจาก 3 อย่างหลักๆ คือ 1.ความคุ้มครองครอบคลุม อาจไม่ต้องมากที่สุด แต่ “ตรง” กับความเสี่ยงที่มี 2.ความเข้าใจง่าย เอกสาร หรือเงื่อนไขไม่ควรซับซ้อนเกินไป  3.บริการที่เชื่อถือได้

“เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เพิ่งเกิดขึ้น เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและในโลกแบบนี้การมีประกันที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขหรือผลประโยชน์ทางการเงิน แต่มันคือการมอบความมั่นใจให้ตัวเอง ไม่ว่าเราจะต้องเจอกับอะไร เราจะไม่ต้องเผชิญมันเพียงลำพัง”

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์
นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ)

จากการสำรวจความเสียหายของโรงแรม ผ่านการคุยกับสมาชิกสมาคมโรงแรมไทย พบส่วนใหญ่เป็นการกะเทาะของผนัง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนเรื่องโครงสร้างหลัก ไม่มีโรงแรมไหนมีปัญหา

การปรับตัวรับภัยพิบัติใหม่ของประเทศหลังแผ่นดินไหวในธุรกิจโรงแรมต้องสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีความมั่นใจในการเข้าพักโรงแรม โดยเฉพาะที่เป็นตึกสูงในกรุงเทพมหานคร ว่าเป็นอาคารที่มีความปลอดภัย

“มีข้อเสนอไปยังนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาว่า ขณะนี้ควรมีการออกประกาศนียบัตรหรือหนังสือรับรองให้กับโรงแรมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่ผ่านการตรวจสอบจากวิศวกรแล้วว่ามีความปลอดภัยสามารถเข้าพักได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ เกิดความสบายใจเพราะเขาเรียกร้องมามาก”

ต้องเข้าใจว่าภาพข่าวตึก สตง.ที่อยู่ในกรุงเทพฯถล่มลงไปทั้งตึก ประกอบกับเนื้อข่าวว่ามีแผ่นดินไหวในเมียนมาและไทยเผยแพร่ออกไปทั่วโลก คนทั่วโลกเขาแยกไม่ออกหรอก ว่าตึกที่ถล่มลงมีเพียงตึกเดียว และเขาก็แยกเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาและไทยไม่ออก ว่าเป็นคนละสถานที่กัน เพราะเวลาเสนอข่าวมันถูกมัดรวมเป็นข่าวเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้การท่องเที่ยวของไทยจึงถูกกระทบมาก

จากการสำรวจโรงแรมทั่วประเทศล่าสุด ประเมินออกมาได้ว่าในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นเทศกาลมหาสงกรานต์ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงประมาณ 25% หรือลดลง 689,282 คน เหลือ 2,067,846 คน เมื่อเทียบกับปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,757,128 คน

ส่วนเรื่องความปลอดภัยของอาคารโรงแรมเฉพาะที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร สมาคมโรงแรมไทยได้ประชุมกับนายวิษณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สรุปว่าโรงแรมที่มีจำนวนห้องเกินกว่า 80 ห้อง ให้ใช้ผู้ตรวจสอบอาคารที่จะต้องทำรายงานตรวจสอบอาคารประจำปีเป็นผู้ตรวจอาคารเบื้องต้น โดยมีแบบประเมินจากทาง กทม. เมื่อตรวจสอบแล้วต้องสรุปผลว่าเป็นสีเขียว เหลือง หรือแดง

“หากเป็นสีเขียว รายชื่ออาคารนั้นจะถูกบรรจุอยู่ในรายการตรวจสอบอาคารในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยผู้ตรวจสอบอาคาร หรือ Building Inspection Dashboard ผมกำลังเสนอให้ทำสติกเกอร์รับรองผลตรวจในลักษณะเดียวกันกับเครื่องหมาย SHA+ ที่เคยใช้เป็นตรารับรองตอนการระบาดของโควิด-19 ส่วนโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักน้อยกว่า 80 ห้อง ทางกรุงเทพมหานครแจ้งว่า สามารถใช้วิศวกรระดับสามัญเข้าทำการสำรวจอาคาร  ใช้เกณฑ์เดียวกัน แล้วสามารถลงใน  Dashboard ได้เหมือนกัน”

กมลภพ วีระพละ
กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ธอส.ได้เพิ่มเงื่อนไขสำหรับลูกค้าที่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อซื้อหรือไถ่ถอนห้องชุด ต้องยื่นเอกสารรับรองโครงการหรืออาคาร ว่ามีความมั่นคงแข็งแรงและสามารถอยู่อาศัยได้ตามปกติ ตรงนี้จะทำให้การปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าไม่หยุดชะงัก โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม รวมทั้งยังมีข้อเสนอให้ลูกค้าได้ทำประกันคุ้มครองสินเชื่อ เมื่อเกิดภัยพิบัติธรรมชาติจะขอรับสินไหมทดแทน กรณีที่อยู่อาศัยเสียหายได้ด้วย

“ธอส.มีการปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการของลูกค้าในช่วงนั้น เพื่อสร้างความยืดหยุ่น ผมเชื่อว่าบ้านคือความอบอุ่นของครอบครัวและทุกคนต้องพยายามรักษาบ้านไว้ให้ได้ ดังนั้น เมื่อลูกหนี้ประสบปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติ อย่างแผ่นดินไหวที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น  ธอส.ก็พร้อมช่วยเหลือ โดยลูกหนี้รายใดมีปัญหาสามารถเข้ามาเจรจากับ ธอส.ได้เป็นรายกรณี เพราะความต้องการของลูกหนี้แตกต่างกัน”

สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ธอส.ได้จัดทำโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย สำหรับลูกค้าปัจจุบันจะได้รับการลดเงินงวด ลดอัตราดอกเบี้ยพักชำระเงินงวดนาน 3 เดือน รวมทั้งยืดระยะเวลาการชำระหนี้ เพื่อแบ่งเบาภาระและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยลูกค้ายังสามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน GHB ALL GEN ในการขอสินเชื่อได้อย่างรวดเร็วด้วย

จรีพร จารุกรสกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA

มั่นใจว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะไม่ทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนของไทยในระยะยาวมีปัญหา เชื่อมั่นว่าการให้ความสำคัญกับการออกแบบและการก่อสร้างที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งอยู่ใน DNA ของ WHA มาตั้งแต่เปิดกิจการ หลังส่งทีมวิศวกรเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารสำนักงานและคลังสินค้าทั้งหมดหลังเกิดเหตุ ผลยืนยันอาคารมีความแข็งแรง ปลอดภัย และไม่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว

“เรามีนิคมอุตสาหกรรมที่จังหวัดระยองและชลบุรี อยู่นอกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว จึงไม่พบความเสียหายใดๆ ขณะที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี (WHA SIL) อาคาร คลังสินค้า อาคารสำนักงานใหญ่ WHA Tower ที่สมุทรปราการ รวมถึงอาคารสำนักงานให้เช่า SJ Infinite และ Quant บนถนนสุขุมวิท ถูกออกแบบตามมาตรฐานการรับแรงแผ่นดินไหวตามกฎหมาย ก็ไม่พบความเสียหายต่อโครงสร้าง”.

ทีมเศรษฐกิจ

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปเศรษฐกิจ” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ