สนค. เผยนโยบายภาษีทรัมป์ และสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ กระทบสินค้าไทยทั้งดี-เสีย แนะเฝ้าระวังสินค้าเกษตรสำคัญถูกจีนตีตลาด ทั้งหอม กระเทียม พริกแห้ง ขณะที่ “พิชัย” โต้ฝ่ายค้าน ส่งออกดี ไม่ใช่เพราะเร่งส่งออกหนีภาษีทรัมป์อย่างเดียว แต่แนวโน้มดีต่อเนื่องก่อนทรัมป์เก็บภาษีด้วยซ้ำ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศหลังสหรัฐฯ เก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น รวมถึงยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีขั้นต่ำกับสินค้าจีน และจีนตอบโต้กลับ ซึ่งจะกระทบการค้าสินค้าเกษตรไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยปี 67 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปสหรัฐฯ 4,759.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ อาหารสุนัขหรือแมว, ข้าว, ปลาทูน่าปรุงแต่ง, น้ำผลไม้หรือน้ำผักอื่นๆ, อาหารปรุงแต่งอื่นๆ, ซอสและของปรุงแต่งสำหรับทำซอส, กุ้งปรุงแต่ง (เช่น ลูกชิ้นกุ้ง), กุ้งแช่แข็ง, ผลไม้, ลูกนัตปรุงแต่ง และสับปะรดปรุงแต่ง
ทั้งนี้ จะมีผลกระทบต่อสินค้า 3 กลุ่ม คือ 1. สินค้าที่ไทยมีศักยภาพ มีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ อันดับ 1 จึงอาจมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าเพื่อทดแทนสินค้าจีน ที่อยู่อันดับ 2 และ 3 เช่น อาหารสุนัขและแมว, ข้าว, ปลาแมคเคอเรลปรุงแต่ง, เนื้อปลาลิ้นหมาแบบฟิลเล, หน่อไม้ปรุงแต่ง เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ 2 สินค้าที่ไทยมีโอกาส เพราะยังมีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ น้อย และจีนครองส่วนแบ่งตลาดอันดับต้นๆ หากได้รับการผลักดันและเสริมสร้างศักยภาพทางการผลิตและการตลาด เช่น พาสต้าอื่นๆ อาทิ เส้นหมี่ วุ้นเส้น, ปลาหมึกแช่แข็ง, ซอสถั่วเหลืองสหรัฐฯ, ปลาอื่นๆ ปรุงแต่ง เช่น ปลาฮอร์สแมคเคอเรล, พืชผักตระกูลถั่วอื่นๆ แช่แข็ง เป็นต้น
และกลุ่มที่ 3 สินค้าเฝ้าระวังการเบี่ยงเบนทางการค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่จีนมีศักยภาพและไทยปลูกได้เอง แต่อาจไม่พอต่อความต้องการใช้ในประเทศ และจำเป็นต้องนำเข้า ซึ่งผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยต้องเผชิญการแข่งขันมากขึ้น แต่บางกลุ่มอาจได้รับประโยชน์จากการนำเข้าวัตถุดิบ เช่น กระเทียมสดหรือแช่เย็น, พืชผักที่ปรุงแต่ง, พริกแห้ง หรือพริกไทยเทศแห้งทั้งเม็ด, ชาเขียวอื่นๆ, หอมหัวใหญ่แห้งหรือผง เป็นต้น
“การรักษาส่วนแบ่งตลาดของสินค้าเกษตรไทยในสหรัฐฯ ยังมีความท้าทาย นอกจากนี้ ไทยต้องเฝ้าระวังการสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดอื่นด้วย ในกรณีเมื่อจีนถูกตั้งกำแพงภาษี และไม่สามารถส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ได้เช่นเดิม จึงอาจระบายสินค้าไปตลาดอื่นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันกับสินค้าจีนในตลาดอื่นๆ สูงขึ้น”
ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว. พาณิชย์ กล่าวถึงการที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า การส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่อง 3 เดือนติด เพราะเร่งส่งออกหนีภาษีของสหรัฐฯ ว่า เป็นความเข้าใจผิด ภาษีสหรัฐฯ อาจมีส่วนทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ใช่เป็นสาเหตุนี้ทั้งหมด การส่งออกไทยดีต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ต.ค. 67 ซึ่งน.ส. แพทองธาร ชินวัตร รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษี โดยเดือน ต.ค.-ธ.ค. 67 ขยายตัว 14.6%, 8.2% และ 8.7% ตามลำดับ ขณะที่เดือน ม.ค.-มี.ค. 68 ขยายตัว 13.6%, 14% และ 17.8% ตามลำดับ ส่งผลให้ช่วง 6 เดือนนี้ ขยายตัวเฉลี่ย 12.9% เติบโตแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 10 ปี สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน
ส่วนนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ได้หารือกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการร่วมกันกำกับดูแล และควบคุมสินค้าที่ถูกสวมสิทธิใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไทย เพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ โดยมีสินค้าเป้าหมาย 50-60 รายการที่จะต้องตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร